คาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ (Cartap hydrochloride), กลุ่ม 14 สารกำจัดแมลงและไรศัตรูพืช
ชื่อสามัญ:
คาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ (Cartap hydrochloride)
กลุ่มสารเคมี:
กลุ่มสารเคมีเนรีสทอกซิน (Nereistoxin analogues) หรือคาร์บาเมท (Carbamates), กลุ่ม 14 สารกำจัดแมลง
ข้อมูลทั่วไป:
เป็นกลุ่มของสารสังเคราะห์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยเลียนแบบโครงสร้างและคุณสมบัติของสารพิษ Nereistoxin ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สกัดได้จากไส้เดือนทะเลชนิด Lumbriconereis heteropoda ใช้การควบคุมแมลงศัตรูพืชได้หลากหลายชนิด ทั้งประเภทปากกัดและปากดูด
ฤทธิ์ทางยา (Mode of Entry):
คาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ จัดเป็นโปรอินเซ็คติไซด์ (Proinsecticide) กล่าวคือ ยาเมื่อเข้าสู่ร่างกายแมลงจะต้องสลายตัวด้วยน้ำ (Hydrolytic activation) ก่อน จึงจะเกิดพิษ โดยเฉพาะภายใต้สภาพวะความเป็นด่างที่เพิ่มขึ้นภายในตัวแมลง โดยคาร์แทปไฮโดรคลอไรด์จะเปลี่ยนไปเป็นคาร์แทปไดไทโอล (Cartap dithiol) นอกจากกลไกขัดขวางตัวรับนิโคตินิกอะซิทิลโคลีนแล้ว ยังพบว่าคาร์แทปไดไทโอลยังเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นให้แคลเซียมที่อยู่นอกเซลล์กล้ามเนื้อไหลเข้าสู่ภายในและไปกระตุ้นถุงร่างแหซาร์โคพลาสมิก ที่บรรจุแคลเซียมไว้อยู่ภายในให้ไหลออกมา ซึ่งนำไปสู่การหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง กล้ามเนื้อหดเกร็ง แทนที่จะเป็นอัมพาตอ่อนแรงเท่านั้น โดยเฉพาะผลต่อกล้ามเนื้อกระบังลม
ออกฤทธิ์ทั้งแบบถูกตัวตาย (contact action) และกินตาย (stomach poison) นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติดูดซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อพืช (systemic action)
ประโยชน์:
ใช้กำจัดแมลง เช่น เพลี้ยอ่อน ไรแดง เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว เพลี้ยจักจั่น หนอนกอข้าว หนอนม้วนใบข้าว เพลี้ยกระโดดในข้าว หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกระทู้ หนอนชอนใบ แมลงสิง มวนเจาะผล บั่วข้าว บั่วมะม่วง แมลงค่อมทอง ด้วงเต่าแตง ด้วงชนิดต่างๆ เป็นต้น (เคยมีประสิทธิภาพดีในการกำจัดหนอนใยผัก)
สูตรขึ้นทะเบียนและอัตราใช้:
1. คาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ 50%SP (ยาผง) อัตราการใช้ 30-50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
2. คาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ 4%GR (ยาเคลือบเม็ดทราย) ชื่อการค้า แพ็คโกร 4จี สำหรับหว่านในนาข้าว พืชไร่ รองก้นหลุม อัตราใช้ 3-5 กก.ต่อไร่ ใช้กำจัดหนอนกออ้อย หนอนกอข้าว เพลี้ยกระโดดนาข้าว แมลงบั่วนาข้าว เสี้ยนดิน หนอนด้วงกัดราก ลดการระบาดของหนอนม้วนใบข้าว
3. คาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ + ฟิโนบูคาร์บ 3%+3%GR (ยาเคลือบเม็ดทราย) ชื่อการค้า พีแทป 6จี สำหรับหว่านในนาข้าว พืชไร่ รองก้นหลุม อัตราใช้ 3-5 กก.ต่อไร่ ใช้กำจัดหนอนกออ้อย หนอนกอข้าว เพลี้ยกระโดดนาข้าว แมลงบั่วนาข้าว เสี้ยนดิน หนอนด้วงกัดราก ลดการระบาดของหนอนม้วนใบข้าว
4. คาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ + ไอโซโพรคาร์บ 3%+3%GR (ยาเคลือบเม็ดทราย) สำหรับหว่านในนาข้าว พืชไร่ รองก้นหลุม อัตราใช้ 3-5 กก.ต่อไร่ ใช้กำจัดหนอนกออ้อย หนอนกอข้าว เพลี้ยกระโดดนาข้าว แมลงบั่วนาข้าว เสี้ยนดิน หนอนด้วงกัดราก ลดการระบาดของหนอนม้วนใบข้าว
ข้อควรระวัง:
การใช้คาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ชนิดยาเคลือบเม็ดทรายหว่านรองก้นหลุมหรือหว่านลงดินก่อนเมล็ดพันธุ์พืชผักและข้าวโพดงอก อาจลดอัตราการงอกของเมล็ดพันธุ์
การใช้คาร์แทปไฮโดรคลอไรด์ชนิดยาเคลือบเม็ดทรายหว่านก่อนเมล็ดพันธุ์งอกหรือในขณะพืชผัก ข้าวโพดและข้าวมีอายุน้อย (มีใบจริง 1-4 ใบ) อาจมีผลทำให้ปลายใบมีอาการเหลืองหรือไหม้ได้ (Phytotoxic)
คาร์แทปฯ ชนิดผสมน้ำพ่น อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง เป็นฝื่นคันตามร่างกายในผู้มีอาการแพ้ยา
ความเป็นด่าง (Alkalinity): คาร์แทปฯ มีความไวต่อการสลายตัวในสภาวะที่เป็นด่าง (alkaline hydrolysis) ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการผสมในน้ำด่าง สารเคมีหรือปุ๋ยที่มีคุณสมบัติเป็นด่างสูง
pH ของน้ำที่ใช้ผสม: ค่า pH ที่เหมาะสมของน้ำที่ใช้ในการผสมคาร์แทปฯ คือประมาณ 4 (pH เป็นกรด)
Chemical formula
C₇H₁₆ClN₃O₂S₂
Molecular mass:
273.79 g.mol-1
ชื่อ IUPAC:
S-(3-carbamoylsulfanyl-2-(dimethylamino)propyl) carbamothioate;hydrochloride
การละลายด้วยน้ำ (20°C):
200,000 mg./l
การละลายด้วยตัวทำละลาย (20°C):
-
ความคงตัวในน้ำ (Aqueous hydrolysis DT50):
สาร Nereistoxin ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากการสลายตัวของคาร์แทปไฮโดรคลอไรด์นั้น ค่อนข้างมีความคงตัวในสภาวะที่เป็นกรดสูง (pH 1-4) แม้ที่อุณหภูมิ 100 องศา เป็นเวลา 24 ชั่วโมง แต่ที่ค่า pH สูงขึ้น (เช่น pH 7, 10, และ 12.3 ที่อุณหภูมิ 100 องศา) Nereistoxin จะมีค่า DT50 (เวลาที่ใช้ในการสลายตัว 50%) เท่ากับ 26, 20 และ 7.9 ชั่วโมงตามลำดับ
ความคงตัวต่อแสงในน้ำ (Aqueous photolysis DT50):
-
การสลายตัวในดิน (ภาวะมีอากาศ):
3 วัน
*ข้อมูลเพิ่มเติม
เนื่องจากคาร์แทปฯ สามารถละลายน้ำได้ดีถึง 200,000 มก./ลิตร ดังนั้น ผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลงคาร์แทปฯ ในรูปยาเคลือบเม็ดทรายจะชื้นแฉะได้ง่าย ควรจัดเก็บในที่แห้งและสูงจากพื้น สำหรับผลิตภัณฑ์ชนิดผสมน้ำพ่น เมื่อเปิดซองบรรจุใช้งานควรใช้ให้หมดเนื่องจากจะดูดความชื้นและแข็งตัว และไม่ควรเก็บไว้นานเกินไปจะทำให้แข็งตัวได้
ค่าพิษเฉียบพลัน (LD50) ทางปาก (Acute oral):
หนู rat 250 มก./กก. (ปานกลาง)
ค่าพิษเฉียบพลัน (LD50) ผิวหนัง (Acute dermal):
1,000 มก./กก.
ความเป็นพิษต่อปลา:
เป็นพิษสูงต่อสัตว์มีกระดูกสันหลังในน้ำ และเป็นพิษปานกลางต่อปลา
ความเป็นพิษต่อผึ้ง:
ปานกลาง
ค่า PHI (หยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยว):
โดยเฉลี่ยค่า PHI อยู่ระหว่าง 7-10 วัน
ค่า ADI (ปริมาณที่รับได้ต่อวัน):
ไม่มีข้อมูล
ช่องทางติดตาม...
มาร์ดูใบ
หัวถนนการเกษตร-289
ช่อง YouTube: มาร์ดูใบ
ช่อง TikTok: มาร์ดูใบ