กลไกออกฤทธิ์ยาแมลง กลุ่ม 1

Thirasak Chuchoet • June 11, 2025

กลไกออกฤทธิ์ยาแมลง กลุ่ม 1

    สารกำจัดแมลง (Insecticide)
    กลุ่ม 1 : ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Nerve and Muscle action)

    กลไกยับยั้งเอนไซม์อะซีทิลโคลีนเอสเทอเรส (AChE inhibitors)


ยาในกลุ่ม 1 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ กลุ่ม 1A สารประกอบคาร์บาเมท และกลุ่ม 1B สารประกอบออร์กาโนฟอสเฟต

คลิก.. ดูข้อมูล "รายชื่อกลุ่มยาแมลง"


    ยาแมลงกลุ่ม 1 ออกฤทธิ์ต่อเซลล์ประสาทภายใน (Interneurons) และเซลล์ประสาทสั่งการ (Motoneurons) ที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อของแมลง ตำแหน่งโปรตีนเป้าหมายของยาอยู่บริเวณปลายเซลล์เส้นประสาทส่วนเดนไดรต์ (Dendrites) ที่เรียกว่า "โพสต์ไซเนปส์ (Postsynaptic neuron /เส้นประสาทหลังไซแนปส์)" เป็นส่วนที่เชื่อมต่อกับเซลล์เส้นประสาทที่อยู่ก่อนหน้า บริเวณปลายเซลล์เส้นประสาทที่อยู่ก่อนหน้านี้จะหันส่วนแอกซอน (Axon) เข้าหา โดยส่วนปลายแอกซอนที่เป็นจุดเชื่อมต่อจะเรียกว่า "พรีไซเนปส์ (Presynaptic neuron /เส้นประสาทหน้าไซเนปส์)" หรือบางครั้งเรียกว่า "Synaptic knob" (ดูภาพ 1 ประกอบ)

ภาพ 1: รูปฝั่งซ้าย เงาสีขาวของเพลี้ยไฟที่จำลองให้เห็นเส้นสีชมพู คือระบบประสาทของแมลงแบบทอดยาวระนาบไปกับส่วนท้อง (Ventral Nerve Cord), รูปบน จำลองเซลล์เส้นประสาทส่วนกลาง (เส้นซ้ายสุด) เซลล์เส้นประสาทภายใน (เส้นกลาง) และเซลล์เส้นประสาทสั่งการ (เส้นขวาสุด) และมีจุดแสงสีฟ้าเป็นตัวแทนกระแสประสาท โดยการถ่ายทอดกระแสประสาทจะส่งไปในทิศทางเดียวเสมอ จนเมื่อไปถึงกล้ามเนื้อจะทำให้กล้ามเนื้อหดตัว (เคลื่อนไหว) และมีระบบยับยั้งกระแสประสาทเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว, รูปกลาง ตำแหน่งของยาแมลงที่ออกฤทธิ์บนเซลล์เส้นประสาทส่วนต่างๆ ในธรรมชาติจะมีเซลล์เส้นประสาทจำนวนมหาศาล

ภาพ 2: รูปบนซ้าย คือเซลล์เส้นประสาทแต่ละเส้นและส่วนต่างๆ ของเซลล์เส้นประสาท, รูปล่างซ้าย คือส่วนปลายของเซลล์ประสาทพรีไซแนปส์ (ซ้าย) และโพสต์ไซแนปส์ (ขวา) และรูปฝั่งขวา การทำงานของตัวรับนิโคตินิกอะซิทิลโคลีนเพื่อกระตุ้นกระแสประสาทที่โพสต์ไซแนปส์ โดยมีสารสื่อประสาท "อะซิทิลโคลีน" เป็นตัวกระตุ้นการเปิดช่องตัวรับ (วงกลมสีน้ำตาลตัดสีส้ม)

    จุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์เส้นประสาทจะไม่ได้เชื่อมติดกัน แต่อยู่ห่างกันเกิดเป็นช่องว่าง เรียกว่า "ช่องว่างไซแนปส์ (Synaptic cleft)" หรือหากเป็นจุดเชื่อมต่อของเซลล์เส้นประสาทกับเซลล์กล้ามเนื้อจะเรียกว่า "นิวโรมัสคูลาร์ จังค์ชั่น (Neuromuscular junction /จุดประสานเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ [ราชบัณฑิตยสถาน เรียกว่า แผ่นเชื่อมประสาทสั่งการและกล้ามเนื้อ])" เมื่อเซลล์เส้นประสาทแต่ละเซลล์ไม่ได้เชื่อมต่อติดกัน ดังนั้น กระแสประสาท (Nerve impulse) จากเซลล์เส้นประสาทหนึ่งจะถูกส่งต่อไปยังอีกเซลล์หนึ่งโดยตรงไม่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้สารตัวกลางเป็นตัวเชื่อมกระแสประสาทแต่มิได้เป็นการนำส่งกระแสประสาทโดยตรง (ดูภาพ 2 ประกอบ)

    สารตัวกลางนี้เรียกว่า "สารสื่อประสาท (Neurotransmitters)" ทำหน้าที่ถ่ายทอดกระแสประสาทจากเซลล์หนึ่งไปสู่อีกเซลล์หนึ่งข้ามผ่านช่องว่างไซแนปส์ โดยสารสื่อประสาทจะไปจับกับโปรตีนตัวรับที่แทรกตัวอยู่ในเยื้อหุ้มเซลล์ประสาทโพสต์ไซแนปส์ กระตุ้นเปิดช่องโปรตีนตัวรับให้แคตไอออน (ประจุบวก) ไหลผ่านเข้าไปเพื่อเพิ่มศักย์ไฟฟ้า จากนั้นจึงเกิดกระแสประสาทขึ้นใหม่ที่เซลล์ประสาทโพสต์ไซแนปส์ หรือหากเป็นโปรตีนตัวรับที่เป็นช่องผ่านของแอนไอออน (ประจุลบ) ไหลผ่านเข้าไปจะเป็นการลดศักย์ไฟฟ้าเพื่อยับยั้งกระแสประสาท สารสื่อประสาทที่พบ เช่น อะซิทิลโคลีน (Acetylcholine) กาบา (GABA) กลูตาเมต (Glutamate) โดพามีน (Dopamine) เป็นต้น

    กระแสประสาท (Nerve impulse) คือสัญญาณไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ไปตามเซลล์เส้นประสาท (neuron) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางหลักในการสื่อสารภายในระบบประสาท โดยนำส่งข้อมูลการรับรู้ความรู้สึกต่างๆ ของร่ายกาย ทั้งจากภายนอกและภายในร่างกาย เช่น ตา หนวด ปาก ผิวหนัง ขา ปีก ไปยังระบบประสาทส่วนกลางเพื่อให้ร่างกายรับรู้ถึงสิ่งเร้าภายนอก เช่น แสง เสียง กลิ่น รส สัมผัส อุณหภูมิ และสิ่งเร้าภายใน เช่น ความเจ็บปวด ตำแหน่งของร่างกาย แรงโน้มถ่วง แล้วรับคำสั่งเพื่อสั่งการไปยังกล้ามเนื้อหรืออวัยวะภายใน เพื่อตอบสนองต่อภาวะต่างๆ หรือการเคลื่อนไหว ซึ่งรวมไปถึงการตอบสนองแบบอัตโนมัติอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องผ่านการคิดวิเคราะห์จากสมอง เช่น การกระตุกขา หรือการกระโดด/บินหนีเมื่อสัมผัสของร้อน

ภาพ 3: "โปรตีนตัวรับที่กระตุ้นการเปิดช่องด้วย "อะซิทิลโคลีน (nAChR)" หลังกระตุ้นเปิดช่องจะถูกย่อยสลายเป็นอะซิเตท และโคลีน ด้วยเอนไซม์ "อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรส (AChE)" เพื่อยับยั้งการส่งกระแสประสาท ซึ่งเอนไซม์นี้เป็นโปรตีนเป้าหมายของยาแมลงกลุ่ม 1

    โปรตีนเป้าหมายยาแมลงกลุ่ม 1 (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมกด)

    โปรตีนเป้าหมายของยาแมลง กลุ่ม 1 คือ เอนไซม์อะซิทิลโคลีน (Acetylcholinesterase enzyme ตัวย่อ AChE) เอนไซม์นี้ทำหน้าที่ย่อยสลายสารสื่อประสาทอะซิทิลโคลีน (Acetylcholine) ที่บริเวณช่องว่างไซแนปส์ และรอยต่อระหว่างเซลล์เส้นประสาทกับกล้ามเนื้อ เมื่ออะซิทิลโคลีนถูกปล่อยออกมาจากปลายเซลล์ประสาทหน้าไซแนปส์ (presynaptic neuron) ข้ามช่องว่างไซแนปส์และจับกับตัวรับอะซิทิลโคลีน (acetylcholine receptors ตัวย่อ AChR) ซึ่งเป็นโปรตีนที่แทรกตัวอยู่ในเยื่อหุ้มเซลล์เส้นประสาทหลังไซแนปส์ (postsynaptic neuron) เพื่อกระตุ้นการส่งกระแสประสาท หรือเซลล์กล้ามเนื้อเพื่อสั่งการหดตัวของกล้ามเนื้อ

   หลังจากนั้นอะซิทิลโคลีนจะถูกย่อยสลายโดยเอนไซม์อะซีทิลโคลีนเอสเตอเรส เพื่อยับยั้งกระแสประสาท และทำให้ตัวรับอะซิทิลโคลีนกลับสู่สภาวะปกติ (ปิดช่อง)

   กลไกออกฤทธิ์ของยากลุ่ม 1 จะเข้าไปจับกับเอนไซม์อะซีทิลโคลีนเอสเตอเรส มีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์หรือทำให้เอนไซม์ไม่สามารถจับกับสารสื่อประสาทอะซิทิลโคลีนได้ จึงไม่สามารถย่อยสลายสื่อประสาทได้ เป็นผลให้เกิดการคั่งของสารสื่อประสาทอะซีทิลโคลีนบริเวณหลังไซแนปส์ และเกิดการกระตุ้นเปิดโปรตีนตัวรับต่อเนื่องและเกิดการส่งกระแสประสาทมากเกินไป (hyperexcitation)

   ทำให้กล้ามเนื้อของแมลงเกิดอาการหดเกร็ง สั่น หลังสารคัดหลั่ง เคลื่อนไหวผิดปกติ ชัก เป็นอัมพาตกล้ามเนื้อเกร็ง (spastic paralysis) การหายใจล้มเหลวและลาโลกแบบไม่สมัครใจ

   โดยปกติหลังจากแมลงได้รับยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทจะลาโลกแบบไม่สมัครใจภายใน 1-3 วัน


ยาในกลุ่ม 1 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ กลุ่ม 1A สารประกอบคาร์บาเมท และกลุ่ม 1B สารประกอบออร์กาโนฟอสเฟต

คลิก.. ดูข้อมูล "รายชื่อกลุ่มยาแมลง"


กลับไปหน้า 'รายชื่อยาแมลง'
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความ
By Thirasak Chuchoet June 3, 2025
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โรคนี้แม้จะไม่ทำให้เนื้อผลมะม่วงเน่าเสียโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายนอกของผล
คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต
By Thirasak Chuchoet May 28, 2025
สารกำจัดแมลงกลุ่ม 14 มีจำหน่ายเพียงสารเดียว คือ คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คุมควบกล้ามเนื้อไม่ได้ นำไปสู่ภาวะเป็นอัมพาตอ่อนแรง (Flaccid Paralysis) และลาโลกไป
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
By Thirasak Chuchoet May 27, 2025
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในการศึกษาเรื่องกลไกออกฤทธิ์
กลไกออกฤทธิ์ (Mode of Action) ของยากลุ่ม 19 ทำให้ไรเกิดอาการตื่นตัว ใจเต้นแรง สั่นและความดันขึ้นสูง
By Thirasak Chuchoet April 29, 2025
ยากลุ่ม 19: อะมิทราซ ทางเลือกสลับกลุ่มยาไร.!!
    ATP: Adenosine Triphosphate เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อพืช
By Thirasak Chuchoet April 25, 2025
ATP หรือ “เอทีพี” ย่อมาจาก อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate) เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของพืชทุกชนิด
แจกสูตร ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอกและสูตรเบรกใบอ่อน
By Thirasak Chuchoet April 23, 2025
แจกสูตร.!! ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอก และสูตรเบรกใบอ่อน-บล็อกใบอ่อน
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกคีเลต
By Thirasak Chuchoet April 22, 2025
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกนีเซียมคีเลต
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
By Thirasak Chuchoet April 21, 2025
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
เอกสาร
By Thirasak Chuchoet January 4, 2025
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย "การดูดซึมปุ๋ยและอาหารเสริมทางใบ"
ปฏิสัมพันธ์ของธาตุอาหารพืช แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างธาตุอาหารพืชในแง่ของการเจริญเติบโต
By Thirasak Chuchoet December 3, 2024
ปฏิสัมพันธ์ของธาตุอาหารพืช แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างธาตุอาหารพืชในแง่ของผลกระทบที่ธาตุอาหารมีผลต่อการดูดซึมและการใช้ประโยชน์ของพืชในกระบวนการเจริญเติบโต
More Posts