เรื่องควรทราบเกี่ยวกับกลไกออกฤทธิ์ยาแมลง-ยาไร

Thirasak Chuchoet • May 27, 2025
เรื่องที่ควรทราบเกี่ยวกับกลไกออกฤทธิ์ของสารกำจัดแมลงและไรศัตรูพืช
นิยามและความหมายคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

    กลไกออกฤทธิ์ (Mode of Action ตัวย่อ MoA)

    กลไกออกฤทธิ์ หมายถึง วิธีการหลักที่สารเคมีหรือสารพิษจากสารสกัดใดๆ ตลอดจนสารที่ได้จากจุลินทรีย์ เข้าไปรบกวนกระบวนการทางชีวเคมีหรือสรีรวิทยาที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของแมลง จนทำให้แมลงตายหรือหยุดการเจริญเติบโต ซึ่งการรบกวนนั้นเกิดจากสารเข้าไปจับกับโปรตีนชนิดต่างๆ โดยการจับจะมีความจำเพาะต่อชนิดของโปรตีนและตำแหน่งบนโปรตีน (Binding site หรือ Action site) แล้วมีผลรบกวนหรือขัดขวาง (Blockers) ปรับการทำงาน (Modulators) แข่งขันหรือแย่งจับโปรตีนกับสารกระตุ้นตามธรรมชาติที่อยู่ในแมลง (Competitive modulators) และกระตุ้นการทำงาน (Activators หรือ Agonists)

    ความจำเพาะต่อชนิดของโปรตีนและตำแหน่งบนโปรตีนของสารแต่ละชนิดเป็นที่มาของการแบ่งกลุ่มสารกำจัดศัตรูพืช ทั้งแมลง ไรและสัตว์ศัตรูพืช (ใช้แบ่งกลุ่มร่วมกัน เป็น สารกำจัดแมลง - Insecticides หรือสารกำจัดไร - Acaricides) โรคพืชที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราและเชื้อสาเหตุอื่นๆ (สารป้องกันกำจัดโรคพืช - Fungicides) และสารกำจัดวัชพืช (Herbicides)

    โปรตีนที่สารกำจัดแมลงเข้าไปจับ เรียกว่า "โปรตีนเป้าหมาย (Target site) ซึ่งอยู่ในระบบสรีรวิทยาของแมลงและแบ่งออกได้เป็น 5 ระบบ ได้แก่

    1. ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Nervous and Muscle system)

    2. ระบบย่อยอาหารหรือทางเดินอาหาร (Digestive system - midgut)

    3. ระบบหายใจระดับเซลล์ (Cellular respiration)

    4. ระบบการเจริญเติบโตและพัฒนา (Growth regulation)

    5. การสังเคราะห์โปรตีน (Protein synthesis)

ภาพจำลองโปรตีนเป้าหมายของสารกำจัดแมลง ส่วนมากโปรตีนเหล่านี้อยู่ที่เยื้อหุ้มเซลล์หรือเยื้อหุ้มอวัยวะระดับเซลล์

    โปรตีนที่เป็นเป้าหมาย (Target site): โปรตีนที่เป็นเป้าหมายของสารกำจัดแมลง เช่น

    1. ช่องเปิด-ปิดด้วยลิแกนด์ (Ligand gated channel) เป็นโปรตีนที่แทรกตัวอยู่ในเยื้อหุ้มเซลล์หรือเยื้อหุ้มอวัยวะระดับ เป็นช่องทางให้ไอออนของธาตุไหลเข้าสู่ภายในเซลล์ การเปิดช่องจะมีตัวกระตุ้น (Agonists) เข้ามาจับแล้วกระตุ้นให้ช่องเปิด ปกติจะเปิดเพียงเสี้ยววินาทีและตัวกระตุ้นจะถูกสลายไป ช่องโปรตีนนี้ได้แก่

      - ช่องกาบาคลอไรด์ (GABA-gated Chloride channel ตัวย่อ GABA-Cl)

      - ช่องกลูตาเมตคลอไรด์ (Glutamate-gated Chloride channel ตัวย่อ Glu-Cl)

    2. ช่องเปิด-ปิดด้วยความต่างศักย์ไฟฟ้า (Voltage-gated channel) เป็นโปรตีนที่แทรกตัวอยู่ในเยื้อหุ้มเซลล์หรือเยื้อหุ้มอวัยวะระดับ เป็นช่องทางให้ไอออนของธาตุไหลเข้าสู่ภายในเซลล์ การเปิด-ปิดของช่องอาศัยความต่างศักย์ของไฟฟ้า ช่องโปรตีนนี้ได้แก่

      - ช่องโซเดียมไอออน (Sodium channel หรือ Voltage-dependent sodium channel ตัวย่อ Na⁺ Channel)

      - ช่องแคลเซียม-โพแทสเซียมปั้ม (Calcium-activated potassium channel ตัวย่อ KCa2)

    3. โปรตีนตัวพา หรือโปรตีนขนส่ง (Carrier protein) เป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่นำสารบางอย่างเข้าสู่ภายในเซลล์ เช่น นำสารสื่อประสาทอะซิทิลโคลีนเข้าไปเก็บในถุงเก็บเวสิเคิล (Vesicular acetylcholine) ช่องโปรตีนนี้ได้แก่

      - โปรตีนขนส่งเวสิเคิลอะซิทิลโคลีน (Vesicular acetylcholine transporter ตัวย่อ VAChT)

    4. โปรตีนตัวรับ (Receptor protein) เป็นโปรตีนที่แทรกตัวอยู่ในเยื้อหุ้มเช่นกัน โดยมีบทบาทหลายด้าน เช่น เป็นช่องทางผ่านของไอออน การจดจำระหว่างเซลล์ การยึดเกาะของเซลล์ การส่งสัญญาณเข้าสู่เซลล์ การตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ช่องโปรตีนนี้ได้แก่

      - ตัวรับนิโคตินิกอะซิทิลโคลีน (Nicotinic acetylcholine receptor ต่อย่อ nAChR

      - ตัวรับฮอร์โมนจูเวไนล์ (Juvenile hormone receptor ตัวย่อ JHR)

      - ตัวรับทีอาร์พีวี (Transient Receptor Potential Vanilloid ตัวย่อ TRPV)

      - ตัวรับแคดฮีรีน (Cadherin protein receptor ตัวย่อ CPR)

      - ตัวรับเอคไดโซน (Ecdysone receptor ตัวย่อ EcR)

      - ตัวรับออคโตพามีน (Octopamine receptor ตัวย่อ OcR)

      - ตัวรับไรยาโนดีน (Ryanodine receptor ตัวย่อ RyR)

    5. เอนไซม์ (Enzyme) เป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี (Catalysis) ต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตให้เกิดขึ้น ช่วยลดพลังงานกระตุ้นปฏิกิริยาเคมี จึงทำให้ปฏิกิริยาก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายและเร็วขึ้น เอนไซม์ที่เป็นเป้าหมายของสารกำจัดแมลงนี้ ได้แก่

      - เอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรส (acetylcholinesterase ตัวย่อ AChE

      - เอนไซม์ไคติน ซินเทส 1 (Chitin Synthase 1 ตัวย่อ CHS1)

      - เอนไซม์เอทีพี ซินเทส (ATP synthase)

      - คอมเพล็กซ์วัน หรือเอ็นเอดีเอช ดีไฮโดรจีเนส หรือยูบิควิโนน ออกซิโดรีดักเทส หรือเอ็นเอดีเอช-คิว ออกซิโดรีดักเทส หรือ เอ็นเอดีเอช-คิว รีดักเทส สามารถเรียกได้หลายชื่อ แต่เรียกรวมๆ และเป็นที่นิยมคือ คอมเพล็กซ์วัน (Complex I)

      - คอมเพล็กซ์ทู หรือซักซิเนต ดีไฮโดรจีเนส ที่นิยมเรียกคือ คอมเพล็กซ์ทู (Complex II)

      - คอมเพล็กซ์ทรี หรือกลุ่มโปรตีนไซโตโครมบีซีวัน ที่นิยมเรียกคือ คอมเพล็กซ์ทรี (Complex III) ตำแหน่งจับของสารกำจัดแมลงกลุ่ม 20 จะจับคอมเพล็กซทรี ตำแหน่งคิวโอไซด์ (Qo site) ซึ่งยื่นออกมานอกเยื้อหุ้มชั้นในของไมโตคอนเดรีย ส่วนสารกำจัดแมลง กลุ่ม 34 จับที่ตำแหน่งคิวไอไซด์ (Qi site) อยู่ภายในเยื้อหุ้มชั้นในของไมโตคอนเดรีย

      - คอมเพล็กซ์โฟร์ หรือไซโตโครม ซี ออกซิเดส ที่นิยมเรียกคือ คอมเพล็กซ์โฟร์ (Complex IV)

      - เอนไซม์อะซิทิล-โคเอ คาร์บอกซิเลส (acetyl-CoA carboxylase)

ภาพ: การเป็นพิษของสารกำจัดแมลง

    การเป็นพิษของสารกำจัดแมลง

    1. ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Nervous and Muscle system): ระบบประสาทมีผลโดยตรงต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ ดังนั้น ความเป็นพิษของสารกำจัดแมลงจึงทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ การสั่งงานของระบบประสาทเป็นการส่งกระแสประสาท (Nerve impulse) คล้ายกระแสไฟฟ้าเป็นละลอกคลื่น โดยปกติแล้วกระแสประสาทเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะต้องถูกยับยั้งเพื่อลดกระแสประสาทไม่เช่นนั้นกล้ามเนื้อจะหดตัวตลอดเวลา

    การเป็นพิษจะส่งผลต่อแมลง 2 ด้าน คือ กระตุ้นส่งกระแสประสาทมากเกินไปหรือตลอดเวลา เรียกภาวะนี้ว่า Hyperexcitation ซึ่งนำไปสู่การหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว ชักกระตุกและเป็นอัมพาต (Paralysis) และยับยั้งกระแสประสาทมากเกินไปหรือต่อเนื่อง เรียกภาวะนี้ว่า Hyperpolarization ซึ่งนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก การเคลื่อนไหวผิดปกติและเป็นอัมพาตอ่อนแรง (Flaccid Paralysis) ดังภาพสรุปด้านบน

    2. ระบบย่อยอาหารหรือทางเดินอาหาร (Digestive system - midgut): เกิดขึ้นที่ระบบทางด้านอาหารส่วนกลางของแมลง โดยสารกำจัดแมลงทำให้เกิดภาวะเยื้อบุผนังทางเดินอาหารเกิดแผลทะลุ ของเหลวและเลือด (Hemolymph) ไหลเข้าสู่ทางเดินอาหาร และเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหารไหลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้แมลงป่วยและลาโลกไป

    3. ระบบหายใจระดับเซลล์ (Cellular respiration): การหายใจระดับเซลล์เป็นการสร้างพลังงานในรูป ATP ซึ่งให้พลังงานแก่เซลล์และทำให้แมลงทำกิจกรรมต่างๆ ได้ การเป็นพิษของสารกำจัดแมลงเกิดขึ้นจากการไปยับยั้งกระบวนการสร้างพลัง จึงทำให้แมลงขาดพลังงาน อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย ไร้เรี่ยวแรง และลาโลก

    4. ระบบการเจริญเติบโตและพัฒนา (Growth regulation): ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสร้างผนังลำต้นที่เป็นเปลือกในขณะลอกคราบ แมลงเป็นสัตว์ข้อปล้องเมื่อจะเจริญวัยเติบโตขึ้นจะมีการลอกคราบและสร้างผนังลำตัวใหม่ ซึ่งมีไคตินเป็นองค์ประกอบหลัก การพิษของสารกำจัดแมลงเกิดขึ้นเนื่องจากการยับยั้งการสร้างไคติน จึงทำให้แมลงลอกคราบไม่สำเร็จ ผนังลำตัวอ่อนนิ่ม บาง หรือเปราะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ หรือพิการและลาโลก

    5. การสังเคราะห์โปรตีน (Protein synthesis): สารกำจัดแมลงจะเข้าไปกดหรือลดการสังเคราะห์โปรตีนของแมลง ซึ่งโปรตีนมีบทบาทต่อการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิต การลดการสังเคราะห์โปรตีนจึงทำให้การเจริญเติบโตและการดำรงชีวิตผิดปกติไป แมลงขาดโปรตีน ซึ่งความเป็นพิษนี้มักเกิดขึ้นและเป็นไปอย่างช้า ๆ ใช้เวลานานกว่าที่แมลงจะลาโลก

ภาพ: กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

ภาพ: กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหารส่วนกลาง

ภาพ: กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบการหายใจระดับเซลล์

ภาพ: กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบการเจริญเติบโต โดยเกี่ยวข้องกับการลอกคราบของแมลง

    คำศัพท์เกี่ยวกับกลไกออกฤทธิ์

    เป็นคำศัพท์ที่ระบุในกลุ่มกลไกการออกฤทธิ์ มีดังนี้

    1. Blockers: สารกำจัดแมลงจะมีผลขัดขวางหรือปิดกันช่องโปรตีนโดยสมบูรณ์ จนไอออนไม่สามารถไหลผ่านเข้าไปได้

    2. Modulators: สารกำจัดแมลงมีผลปรับการทำงาของช่องโปรตีน อาจเป็นการเปิดช่องนานกว่าปกติ หรือเปิดช่องซ้ำๆ ต่อเนื่อง

    3. Agonists: สารกำจัดแมลงเข้าไปทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของโปรตีนตัวรับหรือช่องโปรตีนโดยสมบูรณ์แทนทีสารกระตุ้นทางธรรมชาติ

    4. Competitive modulators: สารกำจัดแมลงเข้าไปแข่งหรือแย่งจับโปรตีนเป้าหมายกับสารที่เป็นตัวกระตุ้น เช่น สารสื่อประสาทอะซิทิลโคลีน แล้วปรับการทำงานของช่อง (Modulators)

    5. Disruptors หรือ Disruption: สารกำจัดแมลงเข้าไป "ก่อกวน ขัดขวาง" หรือ "ทำลาย" โปรตีนภายในตัวแมลง

    6. Inhibitors: สารกำจัดแมลงเข้าไปยับยั้งการทำงานของโปรตีน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเอนไซม์ จึงทำให้เอนไซม์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติและบางครั้งอาจมีผลทำให้เอนไซม์เสื่อมสภาพไม่สามารถกลับมาทำงานได้อีก

    7. Suppressors: กดหรือลดการทำงานของโปรตีน ทำให้การทำงานลดลง มักเป็นไปอย่างช้า ๆ

ภาพแสดงตัวอย่างคำศัพท์ Modulators, Competitive, Blockers และ แอลโลสเตอริก (Allosteric)

แอลโลสเตอริก มีความหมายว่า สารกำจัดแมลงเข้าจับกับโปรตีนเป้าหมายในตำแหน่งที่ไม่ใช่ตำแหน่งกระตุ้นการทำงานของโปรตีน ซึ่งการจับที่ตำแหน่งกระตุ้นของโปรตีนจะเป็นการจับแบบ ออร์โธสเตอริก (Orthosteric)

ยาแมลง กลุ่ม 1 ออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
By Thirasak Chuchoet June 11, 2025
ยาแมลง กลุ่ม 1 กลไกออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ทำให้แมลงชักกระตุกและลาโลก
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความ
By Thirasak Chuchoet June 3, 2025
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โรคนี้แม้จะไม่ทำให้เนื้อผลมะม่วงเน่าเสียโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายนอกของผล
คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต
By Thirasak Chuchoet May 28, 2025
สารกำจัดแมลงกลุ่ม 14 มีจำหน่ายเพียงสารเดียว คือ คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คุมควบกล้ามเนื้อไม่ได้ นำไปสู่ภาวะเป็นอัมพาตอ่อนแรง (Flaccid Paralysis) และลาโลกไป
กลไกออกฤทธิ์ (Mode of Action) ของยากลุ่ม 19 ทำให้ไรเกิดอาการตื่นตัว ใจเต้นแรง สั่นและความดันขึ้นสูง
By Thirasak Chuchoet April 29, 2025
ยากลุ่ม 19: อะมิทราซ ทางเลือกสลับกลุ่มยาไร.!!
    ATP: Adenosine Triphosphate เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อพืช
By Thirasak Chuchoet April 25, 2025
ATP หรือ “เอทีพี” ย่อมาจาก อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate) เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของพืชทุกชนิด
แจกสูตร ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอกและสูตรเบรกใบอ่อน
By Thirasak Chuchoet April 23, 2025
แจกสูตร.!! ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอก และสูตรเบรกใบอ่อน-บล็อกใบอ่อน
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกคีเลต
By Thirasak Chuchoet April 22, 2025
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกนีเซียมคีเลต
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
By Thirasak Chuchoet April 21, 2025
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
เอกสาร
By Thirasak Chuchoet January 4, 2025
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย "การดูดซึมปุ๋ยและอาหารเสริมทางใบ"
ปฏิสัมพันธ์ของธาตุอาหารพืช แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างธาตุอาหารพืชในแง่ของการเจริญเติบโต
By Thirasak Chuchoet December 3, 2024
ปฏิสัมพันธ์ของธาตุอาหารพืช แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างธาตุอาหารพืชในแง่ของผลกระทบที่ธาตุอาหารมีผลต่อการดูดซึมและการใช้ประโยชน์ของพืชในกระบวนการเจริญเติบโต
More Posts