โรคใบไหม้แอนแทรคโนส

Thirasak Chuchoet • April 29, 2024

โรคใบไหม้แอนแทรคโนสในทุเรียน (Anthracnose leaf blight)

    สาเหตุ: เชื้อรา คอลเลทโททริคั่ม​ (Colletotrichum​ spp.)

    โรคแอนแทรคโนส หรือโรคปลายใบ-ขอบใบไหม้ ในทุเรียนที่เกิดจากเชื้อรา คอลเลทโททริคั่ม​ ซึ่งมีอย่างน้อย 3 ชนิด ที่ก่อโรคในทุเรียน​ ได้แก่ คอลเลทโททริคั่ม​ ซิเบทินั่ม​ (C. zibethinusm) คอลเลทโททริคั่ม​ ดูเรียนีส ​(C.​ durionis) และ คอลเลทโททริคัม​ โกลอีโอสปอริออยเดส (C. gloeosporioides​) ซึ่งอาจทำให้ลักษณะอาการแผลใบไหม้แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย

ลักษณะอาการ

    อาการใบไหม้มักเริ่มจากปลายใบก่อน แต่ก็สามารถเกิดแผลไหม้ตามขอบใบและโคนใบได้เช่นกัน โดยแผลไหม้จะเริ่มจากริมขอบของใบเข้าสู่เนื้อใบ ในระยะเริ่มแรกบริเวณกลางแผลจะมีสีน้ำตาลอ่อนล้อมรอบด้วยแผลไหม้สีขาวอมเทา ถัดออกไปบริเวณขอบแผลจะมีลักษณะคล้ายถูกน้ำร้อนลวกและช้ำเป็นเส้นขอบของแผล แผลไหม้มีขนาดใหญ่มีรูปร่างของแผลโค้งงอกินเข้าไปในเนื้อใบ ในระยะนี้จะเริ่มสังเกตุเห็นตุ่มเม็ดสีดำเล็กๆ (acervulus) กระจายตามแผลไหม้เล็กน้อย ซึ่งภายในตุ่มเม็ดนี้จะห่อหุ้มส่วนสืบพันธุ์ที่เป็นโคนิเดีย (conidia) และโคนิไดโอพอร์ (conidiophores) โดยตุ่มเม็ดจะมีความคงทนต่อสภาพอากาศร้อน แห้งแล้งและสารป้องกันกำจัดโรคได้ดี ทำหน้าที่คล้ายแคปซูลแข็งปกป้องสปอร์ขยายพันธุ์

    ระยะต่อมาบริเวณกลางแผลที่ไหม้นั้นอาจเปลี่ยนจากสีน้ำตาลอ่อนเป็นสีขาว หรือมีสีน้ำตาลเข็มขึ้นและแทรกด้วยสีขาวสลับอยู่ภายในแผล บริเวณขอบของแผลใบไหม้จะเริ่มเห็นเป็นเส้นขอบแผลเรียงซ้อนกันเป็นวงชัดเจนขึ้นและมีสีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีน้ำตาลเข้ม เกิดตุ่มเม็ดสีดำกระจายทั่วไปบนแผลไหม้ ซึ่งตั้งแต่ระยะเริ่มพบอาการใบไหม้จนถึงระยะนี้กินเวลาสั้นมาก ต่อมาแผลไหม้จะขยายขนาดใหญ่ขึ้นกินเนื้อที่ใบมากกกว่าครึ่งใบ จากปลายใบหรือขอบด้านข้างของใบก็ได้ (ตามตำแหน่งที่เกิดแผลไหม้)

    อาการใบไหม้ในช่วงเกิดโรคใหม่ๆ พบว่า ใบจะยังไม่หลุดร่วงจากต้น ต่อมาเมื่อใบไหม้เกิดการลุกลามกระจายในทรงพุ่มมากขึ้น ใบจึงเริ่มหลุดร่วงจากต้น ใบที่หลุดร่วงนี้หากปล่อยทิ้งไว้ใต้โคนต้นจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราต่อไป เนื่องจากส่วนสืบพันธุ์สามารถอาศัยอยู่ในดินได้นานข้ามปี ในช่วงที่อากาศร้อนและแห้งแล้งการหลุดร่วงของใบจะเกิดขึ้นสูงมาก โรคจะลุกลามแผ่ขยายไปสู่ต้นใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งการหลุดร่วงของใบอาจเกิดขึ้นมากกว่า 40-90% ของปริมาณใบแก่ที่มีอยู่บนต้น จากการสังเกตุ "ในสวนที่มีการระบาดของโรคแอนแทรคโนสรุนแรงในฤดูแล้ง พบว่า สามารถทำให้ใบแก่หลุดร่วงมากกว่า 80% ได้ภายใน 7-10 วัน"

ภาพ: อาการใบไหม้ในระยะแรกในใบทุเรียน แผลไหม้อาจเริ่มจากปลายใบหรือขอบใบและแผลขยายเข้าสู่เนื้อใบ

ภาพ: แผลใบไหม้ที่ขยายขนาดกินพื้นที่ใบมากกว่า 30-50% พบขอบแผลไหม้เป็นเส้นวงซ้อนทับกันและมีตุ่มเม็ดสีดำที่เป็น acervulus กระจายทั่วไป

การเข้าทำลายแบบเชื้อแฝง (Latent infection)​ 

    โรคแอ​นแ​ทร​คโ​นส​ที่เข้าทำลายทุเรียน​ส่วนมากจะพบอาการใบไหม้ที่ใบแก่มากกว่าใบอ่อนหรือใบเพสลาด ​ยกเว้นในมะม่วงจะพบอาการไหม้เป็นจุดดำและกลางแผลแตกทะลุกระจายทั่วหน้าใบของใบอ่อนและใบแก่ซึ่งเป็นโรคแอนแทรคโนสเช่นกัน สำหรับในทุเรียนอาการใบไหม้แอนแทรคโนสจะเกิดขึ้นกับใบแก่มากกว่าใบอ่อนนี้อาจเป็นผลมาจากลักษณะ​การเข้าทำลายของเชื้อราคอลเลทโททริคั่ม​ ที่เป็น​แบบ​เชื้อแฝง เนื่องจากใบอ่อนจนถึงระยะใบเพสลาดของทุเรียนอาจมีการผลิตสาร Phytoalexins ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นกำจัดเชื้อโรคตามธรรมชาติ เมื่อสปอร์เชื้อรางอกและแทงเข้าสู่ชั้นใต้ผิวใบบริเวณเนื้อเยื่อชั้นนอกสุด​ (epidermis) เส้นใยจะเจริญ​อยู่ในชั้นนี้​และไม่เจริญเข้าสู่ภายในเซลล์พืช เพราะถูกยับยั้งโดยสาร Phytoalexins ที่อยู่ภายในเซลล์ จนกระทั่งเนื้อเยื่อพืชมีอายุมากขึ้นปริมาณของสาร Phytoalexins ลดลง เชื้อราจึงเจริญเข้าสู่ภายในเซลล์และสร้างความเสียหายทำให้เกิดอาการใบไหม้ 

   ตัวอย่าง สาร Phytoalexins ที่พบในพริก เช่น สารแคพไซไดโอล (capsidiol) ที่มีมากในผลพริกที่ยังเป็นผลสีเขียว เมื่อผลพริกเริ่มเปลี่ยนสีจึงเกิดโรคแอนแทรคโนสหรือโรคกุ้งแห้ง ในพันธุ์พริกลูกผสมใหม่ๆ อาจพบโรคแอนแทรคโนสในระยะผลสีเขียวได้

    โรคแอนแทรคโนสนอกจากก่อโรคปลายใบ-ขอบใบไหม้​ในทุเรียนแล้ว ยังก่อโรคดอกเน่าและโรคผลเน่า​หลังการเก็บเกี่ยว (Anthracnose fruit rot​) ได้อีกด้วย โดยอาการผลเน่ามักพบเมื่อผลสุกแก่

โรคใบไหม้แอนแทรคโนสในทุเรียน (Anthracnose leaf blight) ทำให้เกิดอาการใบไหม้รุนแรงโดยเฉพาะในฤดูแล้ง และสามารถทำให้เกิดอาการใบหลุดร่วงได้มากถึง 40-90% ของใบแก่

การแพร่ระบาด

    เชื้อราสาเหตุโรคแอนแทรคโนส สามารถแพร่ระบาดไปตามลม ติดไปกับน้ำและเข้าทำลายพืชเมื่อมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม โรคนี้พบได้ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง แต่จะเห็นอาการชัดเจนและรุนแรงมากในฤดูแล้ง โดยเฉพาะในระยะที่ทุเรียนกำลังออกดอกหรือติดผล

การป้องกันกำจัด

    1. ควรหมั่นสังเกตุอาการใบไหม้ที่เกิดจากโรคแอนแทรคโนสเป็นประจำ โดยเฉพาะในฤดูแล้ง

    2. เมื่อพบอาการของโรคใบไหม้แอนแทรคโนส ควรรีบพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช​ โดยพ่นให้ทั่วทั้งทรงพุ่มด้านนอกและด้านใน ด้วย โบแอ็ก (ชื่อสามัญ: โพรคลอราซ 45%) อัตรา 15-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมร่วมกับสารป้องกันกำจัดโรคพืช กลุ่ม M3 เช่น พีเทน80 (ชื่อสามัญ: แมนโคเซบ 80%) หรือ พีโคล70 (ชื่อสามัญ: โพรพิเนบ 70%) อัตรา 40-60 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารกำจัดโรคชนิดสัมผัส โดยพ่นต่อเนื่อง ทุก 5-7  วัน จำนวน 2-3 ครั้ง 

    3. ใบที่หลุดร่วงจากการติดโรค ควรเก็บไปทำลายนอกสวน

    4. หลังจากโรคใบไหม้หยุดลุกลาม ควรพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืชต่ออีกระยะ เช่น สารกลุ่ม 11 ได้แก่ แบคซีน (ชื่อสามัญ: อะซอกซี่สโตรบิน 25%) หรือ แพ็คสโตรบิน (ไพราโคลสโตรบิน 25%) และผสมร่วมกับสารกลุ่ม M3 ทุกครั้ง เพื่อลดหรือชะลอการดื้อยาของเชื้อรา

แหล่งสืบค้น:

    นิพนธ์ วิสารทานนท์. 2542. โรคไม้ผลเขตร้อนและการป้องกันกำจัด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 172 หน้า.

    ปราโมช ร่วมสุข, รศ.ดร.สุมิตรา ภู่วโรดม, รศ.ดร.สมศิริ แสงโชติ, รศ.ดร.อิทธิสุนทร นันทกิจ, ดร.ยศพล ผลาผล, สุเทพ สหายา. การสร้างสวนทุเรียนมือใหม่สู่มืออาชีพ.พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัดเฟรม-อัพ ดีไซน์. 2561. หน้า 51-52.

    นิรนาม. 2557. โรคผลไม้หลังการเก็บเกี่ยว.พิมพ์ครั้งที่ 1. สำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร. 129 หน้า.

    พรทิพย์ วงศ์แก้ว. การชัดนำให้พืชสร้างภูมิคุ้มกันโรค. วารสารวิชาการเกษตร ปีที่ 7 เล่มที่ 1-3 มกราคม-ธันวาคม 2532. หน้า 84-91.

    พรศิริ บุญ​พุ่ม, สมศิริ แสงโชติ​ และเนตรนภิส เขียวขำ. ประสิทธิภาพ​ของสารเคมีกำจัดเชื้อราที่ใช้ทั่วไปในสวนทุเรียน และสารเคมีกำจัดเชื้อราอื่นๆ ต่อการเจริญของเชื้อรา Phomosis spp.​ สาเหตุโรคผลเน่าและโรคใบจุดทุเรียน.ว. วิทย. กษ. 50 : 3 (พิเศษ). 2562. หน้า 143-146.

    วีระณีย์ ทองศรี และสมศิริ แสงโชติ. การเข้าทำลายแฝงของเชื้อรา ​​Phomosis sp.​ สาเหตุโรคใบจุดของทุเรียน (Durio zibethinus Murr) พันธุ์หมอนทอง. วารสารเกษตรพระจอมเกล้า 34 : (1) . 2559. หน้า 59 - 67. 

    ยงยุทธ ธำรงนิมิต. 2553. โรคไม้ผล. พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ : เกษตรสยามบุ๊คส์. 136 หน้า.

ยาแมลง กลุ่ม 1 ออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
By Thirasak Chuchoet June 11, 2025
ยาแมลง กลุ่ม 1 กลไกออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ทำให้แมลงชักกระตุกและลาโลก
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความ
By Thirasak Chuchoet June 3, 2025
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โรคนี้แม้จะไม่ทำให้เนื้อผลมะม่วงเน่าเสียโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายนอกของผล
คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต
By Thirasak Chuchoet May 28, 2025
สารกำจัดแมลงกลุ่ม 14 มีจำหน่ายเพียงสารเดียว คือ คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คุมควบกล้ามเนื้อไม่ได้ นำไปสู่ภาวะเป็นอัมพาตอ่อนแรง (Flaccid Paralysis) และลาโลกไป
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
By Thirasak Chuchoet May 27, 2025
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในการศึกษาเรื่องกลไกออกฤทธิ์
กลไกออกฤทธิ์ (Mode of Action) ของยากลุ่ม 19 ทำให้ไรเกิดอาการตื่นตัว ใจเต้นแรง สั่นและความดันขึ้นสูง
By Thirasak Chuchoet April 29, 2025
ยากลุ่ม 19: อะมิทราซ ทางเลือกสลับกลุ่มยาไร.!!
    ATP: Adenosine Triphosphate เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อพืช
By Thirasak Chuchoet April 25, 2025
ATP หรือ “เอทีพี” ย่อมาจาก อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate) เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของพืชทุกชนิด
แจกสูตร ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอกและสูตรเบรกใบอ่อน
By Thirasak Chuchoet April 23, 2025
แจกสูตร.!! ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอก และสูตรเบรกใบอ่อน-บล็อกใบอ่อน
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกคีเลต
By Thirasak Chuchoet April 22, 2025
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกนีเซียมคีเลต
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
By Thirasak Chuchoet April 21, 2025
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
เอกสาร
By Thirasak Chuchoet January 4, 2025
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย "การดูดซึมปุ๋ยและอาหารเสริมทางใบ"
More Posts