เฝ้าระวัง.!! เพลี้ยจักจั่นในส้มโอ

Thirasak Chuchoet • April 27, 2024
เฝ้าระวัง.!! แมลงศัตรูพืช​อีกชนิดที่ควรเฝ้าติดตามในส้มโอ

เฝ้าระวัง.!! แมลงศัตรูพืช​อีกชนิดที่ควรเฝ้าติดตาม​หลังเริ่มพบการแพร่ระบาดของเพลี้ยจักจั่นในส้มโอพันธุ์​ทับทิมสยาม​และทองดี ในพื้นที่​ จ.นครศรีธรรมราช

    ในช่วง​ 2-3​ ปี​มานี้​ ได้รับการแจ้งจากชาวสวนส้มโอพันธุ์​ทับทิมสยาม​ และพันธุ์ทองดี​ ในเขตพื้นที่​ อ.เมือง, อ.ปากพนัง,​ อ.เฉลิมพระเกียรติ, อ.หัวไทร​ จังหวัดนครศรีธรรมราช​ ถึงการแพร่ระบาดของเพลี้ยจักจั่น​และสร้างความเสียให้กับใบส้มโอระยะใบอ่อนถึงใบเพสลาด​ ทำให้เกิดอาการใบเหลืองเป็นจ่ำๆ​ ใบบิด​ม้วนงองุ้ม​ หากเข้าทำลายตั้งแต่ระยะใบอ่อนเริ่มคลี่กางจะทำให้ใบหงิกงอ​ ใบเล็กไม่ขยาย​ ข้อใบสั้นคล้ายลักษณะก้านใบอ่อนเป็นพุ่มแจ้​ พบระบาดมากในช่วงฤดูแล้ง​ หรือฝนทิ้งช่วง​เมื่อส้มโอแตกใบอ่อน​ สามารถพบได้ทั้งส้มโอหลังปลูกจนถึงส้มโออายุมากกว่า​ 7​ ปี​ นอกจากนี้ยังพบว่า​ เพลี้ยจักจั่นชนิดนี้สามารถอยู่ร่วมกันกับเพลี้ยได้​ โดยไม่เป็นปรปักษ์​ต่อกัน​ (จากการสังเกตุ)​

    เดิมเข้าใจว่าเพลี้ยจักจั่นที่แพร่ระบาดน่าจะเป็นเพลี้ยจักจั่นฝ้าย​ (Cotton jassid; ชื่อวิทยาศาสตร์ ​Amrasca biguttula Ishida) เนื่องจากในพื้นที่สวนส้มโอที่ปลูกใหม่มักมีการปลูกมะเขือ​แทรกระหว่างแถวส้มโอ​ ในบางพื้นที่มีสวนมะเขืออยู่ใกล้เคียงหรือมีมะเขือพวงแทรกเป็นพืชสวนครัว​ ซึ่งเป็นพืชอาศัยของเพลี้ยจักจั่น​และมักพบการระบาดรุนแรงของ​เพลี้ยจักจั่นฝ้ายเป็นประจำในมะเขือ​

    แต่เมื่อวันที่​ 25​ พ.ค.​ 2567​ ที่ผ่านมาได้เข้าสำรวจสวนส้มโอพันธุ์​ทับทิมสยาม​ตามปกติ​ พบการระบาดของเพลี้ยจักจั่นและเพลี้ยไฟอย่างรุนแรง​ และได้ถ่ายภาพเพลี้ยจักจั่นนำกลับมาตรวจสอบอย่างละเอียด​ พร้อมกับเปรียบเทียบกับภาพเพลี้ยจักจั่นในส้มโอที่เคยถ่ายไว้เมื่อ​ พ.ค.​ 2566​ (ตอนนั้นสำรวจพบประปราย​ พบเพียง​ 2-3​ ตัว​ ต่อส้มโอ​ 20-30 ต้น)​ พบว่า​ เป็น​เพลี้ย​จักจั่น​ชนิดเดียวกัน​ โดยมีดวงตาโตสีขาวขุ่น​และเมื่อสังเกตุแผ่นสามเหลี่ยมที่ต่อจากส่วนหัวพบว่า​ มีเส้นแต้มสีขาวคล้ายอักษรตัวทีคู่ (TT) ประกอบ​กับส่วนปลายปีกไม่มีจุดแต้มสีดำ​ จึงสันนิษฐาน​ว่า​ น่าจะเป็น​ เพลี้ยจักจั่นชาสีเขียว​ หรือ​ในอีกชื่อ เพลี้ยจักจั่นละหุ่ง​

    เพลี้ยจักจั่นชาสีเขียว​ หรือ เพลี้ย​จักจั่น​ละหุ่ง​ ชื่อ​อังกฤษ​ : Tea green leafhopper และ​ Castor bean leafhopper นอกจากนี้ยังมีชื่ออื่นๆ​ ในแต่ละภูมิภาค​ของโลกอีก เพลี้ยชนิดนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์​ที่พ้องชื่อกัน​ แต่ชื่อที่ได้รับการตีพิมพ์ล่าสุด คือ ​เอมโพแอสก่า​ โอนิกิอิ​ โดยคุณมัทซูดะ​ (Empoasca​ onukii ​Matsuda)​ ชื่อพ้องอื่นๆ​ เช่น ​เอมโพแอสก่า​ ไวทีส​ (Empoasca vitis Goethe)​ และชื่อที่ใช้กันมานานมากพร้อมนิยมในบ้านเรา​ คือ เจคอปเบียสก่า​ ฟอร์มอซาน่า​ (Jacobiasca​ formosanaPaoli)

   เพลี้ยจักจั่นฝ้าย​ เพลี้ยจักจั่นฝอยทุเรียน​ และร่วมถึงเพลี้ยจักจั่นชาสีเขียว​ ล้วนเป็นแมลงในวงศ์ชิคาเดลลิอี้​ (Family​: Cicadellidae)​ อันดับเฮมิพเทอร่า​ (Order: Hemiptera)​ ดังนั้น​ การกำจัดจึงเหมือนๆ​ กัน​ เพียงแต่เพลี้ย​จักจั่น​ฝ้ายและเพลี้ยจักจั่น​ชาสีเขียว​ไม่มีความต้านทานสารกำจัดแมลงเท่ากับเพลี้ยจักจั่น​ฝอย​ทุเรียน

การป้องกันและกำจัด​ 

   1. ควรจัดการสวนให้ส้มโอแตกใบอ่อน ให้พร้อมกัน​เพื่อการจัดการแมลงศัตรูพืช​ได้ง่ายและลดการแพร่ระบาดต่อเนื่อง เพราะการแตกใบอ่อนสะเปะสะปะ​

    โดยในระยะแรกหากสวนมีการแตกใบอ่อนไม่พร้อมกัน​ ควรใส่ปุ๋ยทางดินสูตรโยกหลัง​ เช่น​ 15-5-20​ สำหรับดินเหนียว หรือ​ 15-5-25​ สำหรับดินร่วนและดินทราย​ และพ่นอาหารเสริมทางใบ โดยใช้ปุ๋ยทางใบ​ เช่น​ 10-5-20, 15-5-25, 15-10-30 หรือ 9-19-34 รวมกับกรดอะมิโน (ตัวอย่าง เช่น ​แอทติโว อัตราใช้ 20-30​ ซีซี​. ต่อน้ำ​ 20 ลิตร) และธาตุรวม​ โดยพ่นทุก​ 7-10​ วัน​ อย่างน้อย​ 45-60 วัน​ 

    หลังจากนั้นให้รดน้ำในปริมาณ​มาก​ รวมกับการใส่ปุ๋ยสูตรโยกหน้า-โยกหลัง​ เช่น​ 20-8-20, 21-3-21, 22-4-22 และพ่นทางใบกระตุ้นการแตกใบอ่อน-ยอดอ่อน ด้วยปุ๋ยทางใบ​ เช่น​ 13-0-46​ หรือ​ 15-0-0 อัตรา​ 100-150 กรัม ต่อน้ำ​ 20 ลิตร​ ร่วมกับสาหร่ายทะเล​ (ตัวอย่าง เช่น​ สาหร่ายทะเลเกรดพรีเมี่ยมที่มีไซโตไคนินสูง อย่าง เอซตราโต้ อัตราใช้ 15-20​ ซีซี​. ต่อน้ำ​ 20 ลิตร)​ และธาตุรวม​ โดยพ่นต่อเนื่องกัน​ 2 หรือ​ 3 ครั้ง​ ทุก​ 5-7​ วัน​ 

    2. เมื่อพบการระบาดของเพลี้ยจักจั่นชาสีเขียว​ ควรพ่นด้วย ​ไบเฟนทริน 10% (สารกำจัดแมลง กลุ่ม​ 3A: ยากลุ่มนี้ส่งเสริมการระบาดเพิ่มของแมลงหลายชนิด​ ยกเว้น​ ไบเฟนทริน, อิโทเฟนฟร็อก ​และเพอร์เมทริน​)​ ใช้อัตรา​ 25-30​ ซีซี.​ ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมร่วมกับยากลุ่มอื่น​ เช่น​ 

    สารกำจัดแมลง กลุ่ม​ 1 ได้แก่​ ฟิโนบูคาร์บ ​50%, โพรฟีโนฟอส 50% หรือ โอเมโทเอต​ 50% ใช้ในอัตรา​ 30-40​ ซีซี.​ ต่อน้ำ 20 ลิตร ต่อน้ำ​ 20​ ลิตร หรือ​ 

    สารกำจัดแมลง กลุ่ม​ 4 เช่น​ ไดโนทีฟูเรน 20%, อิมิดาโคลพริด 70% หรือ อะซีทามิพริด 20% ใช้ในอัตรา​ 10-15​ กรัม​ ต่อน้ำ​ 20​ ลิตร หรือ

    สารกำจัดแมลง กลุ่ม​ 9​ ได้แก่ ไพมีโทรซีน 50% ใช้ในอัตรา​ 10-15 กรัม ต่อน้ำ​ 20​ ลิตร

    สารกำจัดแมลง กลุ่ม​ 29​ ได้แก่ ฟอร์นิคามิด 50% อัตรา​ 5-10 กรัม ต่อน้ำ​ 20​ ลิตร

แหล่งสืบค้น:

https://idtools.dpi.nsw.gov.au/keys/cicadell/species/evitis.htm

https://plantwiseplusknowledgebank.org/doi/10.1079/pwkb.species.20862

ยาแมลง กลุ่ม 1 ออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
By Thirasak Chuchoet June 11, 2025
ยาแมลง กลุ่ม 1 กลไกออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ทำให้แมลงชักกระตุกและลาโลก
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความ
By Thirasak Chuchoet June 3, 2025
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โรคนี้แม้จะไม่ทำให้เนื้อผลมะม่วงเน่าเสียโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายนอกของผล
คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต
By Thirasak Chuchoet May 28, 2025
สารกำจัดแมลงกลุ่ม 14 มีจำหน่ายเพียงสารเดียว คือ คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คุมควบกล้ามเนื้อไม่ได้ นำไปสู่ภาวะเป็นอัมพาตอ่อนแรง (Flaccid Paralysis) และลาโลกไป
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
By Thirasak Chuchoet May 27, 2025
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในการศึกษาเรื่องกลไกออกฤทธิ์
กลไกออกฤทธิ์ (Mode of Action) ของยากลุ่ม 19 ทำให้ไรเกิดอาการตื่นตัว ใจเต้นแรง สั่นและความดันขึ้นสูง
By Thirasak Chuchoet April 29, 2025
ยากลุ่ม 19: อะมิทราซ ทางเลือกสลับกลุ่มยาไร.!!
    ATP: Adenosine Triphosphate เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อพืช
By Thirasak Chuchoet April 25, 2025
ATP หรือ “เอทีพี” ย่อมาจาก อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate) เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของพืชทุกชนิด
แจกสูตร ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอกและสูตรเบรกใบอ่อน
By Thirasak Chuchoet April 23, 2025
แจกสูตร.!! ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอก และสูตรเบรกใบอ่อน-บล็อกใบอ่อน
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกคีเลต
By Thirasak Chuchoet April 22, 2025
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกนีเซียมคีเลต
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
By Thirasak Chuchoet April 21, 2025
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
เอกสาร
By Thirasak Chuchoet January 4, 2025
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย "การดูดซึมปุ๋ยและอาหารเสริมทางใบ"
More Posts