ออกซิน ลดการหลุดร่วงของดอก-ผลทุเรียน

Thirasak Chuchoet • May 11, 2024
ออกซิน.!! ฮอร์โมนพืชเพื่อลดการหลุดร่วงของดอกและผล (ทุเรียน)

    ออกซิน เป็นฮอร์โมนพืชที่นิยมใช้ในทางการเกษตรมาอย่างช้านาน เพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของพืชในหลายด้าน ปัจจุบันกระแสความรู้ความเข้าใจในการใช้ประโยชน์จากออกซินมีความสับสนอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้เพื่อลดการหลุดร่วงของดอกและผลในทุเรียน

   ออกซิน มีบทบาทสำคัญในทางการเกษตรในฐานะฮอร์โมนพืช หรือเป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ดังนี้

    1. ควบคุมการเกิดราก โดยกระตุ้นสร้างจุดเจริญของราก การใช้กับกิ่งปักชำหรือกิ่งตอนในไม้เนื้อแข็งจะต้องใช้ความเข้มข้นสูง ราว 4,000-20,000 ppm (มิลลิกรัมต่อลิตร) สำหรับกิ่งอ่อนหรือไม่มีเนื้อไม้ใช้ความเข้มข้น 500-2,000 ppm

    2. ควบคุมการเกิดตาข้างหรือกิ่งแขนง เช่น ใช้ควบคุมการเกิดกิ่งแขนง กิ่งน้ำค้าง หรือกิ่งกระโดง เมื่อตัดยอดแล้วทาด้วยออกซินความเข้มข้น 40,000-50,000 ppm (สารเอ็นเอเอ 4.5% ไม่ต้องผสมน้ำ)

    3. ส่งเสริมการเจริญเติบโตทุกส่วนของพืช ในลักษณะขยายขนาดในทุกทิศทาง

    4. กระตุ้นการออกดอกในไม้ผลบางชนิด เช่น สับปะรด ใช้ในปริมาณเข้มข้นสูงเพื่อกระตุ้นเอทีลีน จึงเป็นผลทางอ้อม

    5. ลดการหลุดร่วงขอใบ ดอก และผล ในไม้ผลบางชนิด เช่น มะม่วง ส้ม องุ่น ลางสาด โดยการชะลอการออกฤทธิ์ของกรดแอบไซซิก และควบคุมการเพิ่มปริมาณเอทีลีน

    6. การเปลี่ยนเพศดอกเป็นดอกเพศผู้

    7. การผลิตผลที่ไม่มีเมล็ดให้พัฒนาผลต่อไปได้ ซึ่งมักไม่ค่อยได้ผลหรือขาดประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับฮอร์โมนพืชชนิดอื่น โดยมีรายงานใช้กับผลไม้ที่ไม่ได้รับการผสมเกสรหรือผสมเกสรไม่สมบูรณ์ เช่น สับปะรด สตรอเบอรี่ กล้วย และมะเขือเทศ 

    8. เพิ่มการติดผล ซึ่งผลไม้ที่ตอบสนองต่อการเพิ่มการติดผลจะเป็นผลที่มีเมล็ดมากในผล เช่น มะเขือเทศ พริก ส้ม ส้มโอ 

    9. ใช้เป็นสารกำจัดวัชพืชใบกว้างและกก สารที่มีฤทธิ์ออกซินสูง เช่น ทู,โฟร์-ดี (2,4-D) และ โฟร์-ซีพีเอ (4-CPA)

ชนิดของฮอร์โมนพืชออกซิน

    ออกซิน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ตามแหล่งที่มา เช่น ออกซินที่พืชสังเคราะห์ขึ้น ส่วนใหญ่พบมากเป็นกรดอินโดล-3-อะซีติก (IAA) และออกซินสังเคราะห์ เช่น เอ็นเอเอ (NAA) ไอบีเอ (IBA) เป็นต้น หรือหากแบ่งตามการใช้งานจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะเช่นกัน ดังนี้

    1. ใช้เป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตพืช ได้แก่

        1.1 ไอเอเอ (IAA: Indole-3-acetic acid): ไอเอเอที่สังเคราะห์ขึ้นแม้มีคุณสมบัติและโครงสร้างทางเคมีเหมือนหรือใกล้เคียงกับไอเอเอที่พบในพืช แต่สารที่สังเคราะห์ขึ้นไม่มีความเสถียร การเก็บรักษายุ่งยากและมีราคาแพง จึงไม่นิยมใช้ในภาคปฏิบัติในสวนในไร่

        1.2 เอ็นเอเอ (NAA: 1-naphthyl acetic acid): เป็นสารสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์ของออกซิน มีคุณสมบัติที่เหมาะกับการใช้พ่นมากกว่าใช้กระตุ้นการเกิดราก​แต่สามารถใช้ทดแทนไอบีเอในการเกิดรากได้

        1.3 ไอบีเอ (IBA: 4-(indol-3-yl) butryric acid): เป็นสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการเกิดรากสูงกว่าเอ็นเอเอ แต่ประสิทธิภาพการใช้พ่นต่ำ ราว พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ยังไม่มีผู้จำหน่ายที่ขึ้นทะเบียนไอบีเอกับกรมวิชาการเกษตร ในอดีตไอบีเอที่นิยมใช้มากที่สุดมีชื่อการค้า ว่า รูทโกร และคาดว่าในอีก 1-3 ปี หลังจากนี้จะมีผู้จัดจำหน่ายที่ขึ้นทะเบียน

    2. ใช้เป็นสารกำจัดวัชพืช ได้แก่

        2.1 ทู,โฟร์-ดี (2,4-D: 2,4-dichlorophenoxy acetic acid): ห้ามนำมาใช้เพื่อเป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากมีฤทธิ์ของออกซินสูงมาก นิยมใช้เป็นสารกำจัดวัชพืช

        2.2 โฟร์-ซีพีเอ (4-CPA: 4-chlorophenoxy acetic acid): มีฤทธิ์เช่นเดียวกับ ทู,โฟร์-ดี

ภาพ: สวนทุเรียนที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พ่นเอ็นเอเอ 4.5% อัตรา 60 ซีซี.ต่อน้ำ 200 ลิตร ประมาณ 4 ครั้ง ระหว่างช่วงเดือน ก.พ.-ต้น พ.ค. 2567 (ในสวนมีผลทุเรียนหลายรุ่น)

การใช้ออกซิน (NAA) ลดการหลุดร่วงของดอกและผลในทุเรียน

    การหลุดร่วงของใบ ดอก และผล เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสร้างชั้นแอบซิสชั่น​ (abscission​ layer) บริเวณข้อต่อส่วนต่างๆ ของพืช ชั้นดังกล่าวเกิดจากการรวมตัวกันอย่างหลวมๆ ของเซลล์พาเรนไคมา ซึ่งต่อไปจะพัฒนาเป็นชั้นแยกแซ็พพะเรชั่น​ (separation layer) โดยมีกรดแอบไซซิก​ (abscisic​ acid)​ เป็นตัวควบคุมหรือกระตุ้นการสร้างชั้นแอบซิสชั่น การหลุดร่วงที่เกิดขึ้นจะพบว่า บริเวณดังกล่าวมีปริมาณออกซินลดต่ำลง และมีปริมาณกรดแอบไซซิกกับเอทีลีนสูงขึ้น ดังนั้น การหลุดร่วงของดอกและผลจึงเกี่ยวข้องกับปริมาณออกซินที่ลดลงส่งผลให้มีปริมาณเอทีลีนเพิ่มขึ้น เอทีลีนจึงกระตุ้นการสลายชั้นแยกแซ็พพะเรชั่นทำให้ข้อต่อขั้วดอก-ขั้วผลแยกออกจากกัน

    ในทุเรียนแม้ยังไม่มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อการใช้ออกซินในการลดการหลุดร่วงของดอกและผล แต่ก็มีการใช้สารเอ็นเอเอ (NAA 4.5%) เพื่อลดการหลุดร่วงอยู่ก่อนแล้ว สำหรับในพืชอื่นมีรายงานการใช้เอ็นเอเอเพื่อลดการหลุดร่วงของดอกและผล ตัวอย่าง เช่น มะม่วง พ่นเอ็นเอเอความเข้มข้น 10-40 ppm หลังผลอายุ 5-6 สัปดาห์ พ่น 2 ครั้ง ห่างกัน 15 วัน หรือลางสาด พ่นเอ็นเอเอความเข้มข้น 100-400 ppm ระยะผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ช่วยลดการหลุดร่วงของผลลางสาด (สัมฤทธิ์, พ.ศ. 2557)

    ในช่วง 2-3 ปีมานี้ มีการกล่าวถึงการพ่นออกซินในต้นทุเรียนอายุ 5-6 ปี ที่ให้ผลผลิตปีแรกเพื่อลดการหลุดร่วงของดอกและผลจะทำให้เมล็ดผลทุเรียนหยุดพัฒนา เมล็ดลีบหายไป (ไม่มีเมล็ด) ผลยังพัฒนาต่อไปได้จนถึงระยะเก็บเกี่ยว แต่เมื่อผ่าผลออกมากลับพบว่าผลทุเรียนไม่มีการสร้างเนื้อ เปลือกหนา หนามใหญ่ จึงก่อความกังวลต่อการใช้ออกซิน (NAA 4.5%) ในทุเรียน 

    รัชนี ฉัตรบรรยงค์ และคณะ (พ.ศ. 2563) ทำการศึกษาวิจัยผลของการใช้ฮอร์โมนพืชชนิดต่างๆ ต่อการเจริญพัฒนาของผลทุเรียนพันธุ์พวงมณี พบว่า มีการใช้ออกซินความเข้มข้นสูง (500 และ 1,000 ppm) 2 ครั้ง หลังดอกบาน 3 สัปดาห์ และ 6 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่า ออกซิน ไม่ส่งผลให้ผลทุเรียนพันธุ์พวงมณีมีอาการเมล็ดลีบหาย เปลือกหนา หนามใหญ่และไม่มีเนื้อผลแต่อย่างใด

การใช้ออกซินเพื่อลดการหลุดร่วงของดอกและผลทุเรียน (โดยผู้เขียน)

    แนะนำพ่นออกซินก่อนที่จะมีการหลุดร่วงของผล หรือพ่นเป็นระยะๆ ทุก 19-21 วัน (สัมฤทธิ์, พ.ศ. 2557) โดยหากพ่นเป็นระยะๆ พ่นในช่วงดอกเริ่มบานราว 20-30% ต่อเนื่อง โดยใช้เอ็นเอเอ 4.5% อัตรา 50-60 ซีซี.ต่อน้ำ 200 ลิตร (11-13 ppm) พ่นทุก 19-21 วัน 

    ในกรณีสภาพอากาศร้อนจัด แล้ง หรือมีฝนตกลงมาบ้าง และ/หรือ สภาพต้นไม่สมบูรณ์ ใบในทรงพุ่มน้อย อาหารสะสมไม่เพียงพอ พ่นเอ็นเอเอ 4.5% อัตรา 80 ซีซี.ต่อน้ำ 200 ลิตร (18 ppm) พ่นทุกๆ 19-21 วัน หรืออัตรา 60 ซีซี.ต่อน้ำ 200 ลิตร พ่นทุกๆ 14 วัน

    สำหรับในภาวะวิกฤต เช่น ผลหลุดร่วงมาก อาจพ่นเอ็นเอเอ 4.5% อัตรา 80-100 ซีซี.ต่อน้ำ 200 ลิตร (18-22.5 ppm) พ่นต่อเนื่อง​ 2 ครั้ง​ ห่างกัน​ 12-14 วัน

“การใช้ฮอร์โมนพืชเสมือนดาบ​ 2 คม​ ใช้น้อยไม่เกิดผล​-ใช้มากโทษอนันต์​ และไม่มีสารใดเพียงชนิดเดียวให้ผลดีครอบจักรวาล​ การลดการหลุดร่วงของดอกและผลควรปฏิบัติ​ควบคู่​ไปกับการพ่นอาหารเสริม​ การใส่ปุ๋ยที่เหมาะสมและการจัดการอื่นๆ​ ประกอบ”

แหล่งสืบค้น:

    เฉลิมชัย วงศ์วัฒนะ.ไม่ระบุปีพิมพ์.เอกสารคำสอน ฮอร์โมนพืช (Plant Hormones).รายวิชา ชว 456 (BI 456) ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.136 หน้า.

    พีรเดช ทองอำไพ.ไม่ทราบปีพิมพ์.สารควบคุมการเจริญเติบโต.ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตร.หน้า 191-203.

    รัชนี ฉัตรบรรยงค์ และคณะ.(วิจัย 2559-2563).ผลของ NAA, GA3, CPPU ต่อการผลิตทุเรียนพวงมณีเมล็ดลีบ.รายงานผลงานโครงการวิจัยและพัฒนาการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุเรียนคุณภาพระยะที่ 2 (ปี 2559-2563) แผนงานวิจัยแผนบูรณาการวิจัยและพัฒนาไม้ผลเศรษฐกิจ.

    ลิลลี่ กาวีต๊ะ และคณะ.2560.สรีรวิทยาของพืช.พิมพ์ครั้งที่ 4.กรุงเทพฯ.สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.270 หน้า.

    สมบุญ เตชัภิญญาวัฒน์.ไม่ทราบปีที่พิมพ์.สรีรวิทยาของพืช.ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตร.สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.237 หน้า.

    สัมฤทธิ์ เศรษฐวงศ์.2557.การใช้ฮอร์โมนกับไม้ผล.พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ : เกษตรสยาม.144 หน้า.

ยาแมลง กลุ่ม 1 ออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
By Thirasak Chuchoet June 11, 2025
ยาแมลง กลุ่ม 1 กลไกออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ทำให้แมลงชักกระตุกและลาโลก
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความ
By Thirasak Chuchoet June 3, 2025
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โรคนี้แม้จะไม่ทำให้เนื้อผลมะม่วงเน่าเสียโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายนอกของผล
คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต
By Thirasak Chuchoet May 28, 2025
สารกำจัดแมลงกลุ่ม 14 มีจำหน่ายเพียงสารเดียว คือ คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คุมควบกล้ามเนื้อไม่ได้ นำไปสู่ภาวะเป็นอัมพาตอ่อนแรง (Flaccid Paralysis) และลาโลกไป
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
By Thirasak Chuchoet May 27, 2025
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในการศึกษาเรื่องกลไกออกฤทธิ์
กลไกออกฤทธิ์ (Mode of Action) ของยากลุ่ม 19 ทำให้ไรเกิดอาการตื่นตัว ใจเต้นแรง สั่นและความดันขึ้นสูง
By Thirasak Chuchoet April 29, 2025
ยากลุ่ม 19: อะมิทราซ ทางเลือกสลับกลุ่มยาไร.!!
    ATP: Adenosine Triphosphate เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อพืช
By Thirasak Chuchoet April 25, 2025
ATP หรือ “เอทีพี” ย่อมาจาก อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate) เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของพืชทุกชนิด
แจกสูตร ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอกและสูตรเบรกใบอ่อน
By Thirasak Chuchoet April 23, 2025
แจกสูตร.!! ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอก และสูตรเบรกใบอ่อน-บล็อกใบอ่อน
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกคีเลต
By Thirasak Chuchoet April 22, 2025
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกนีเซียมคีเลต
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
By Thirasak Chuchoet April 21, 2025
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
เอกสาร
By Thirasak Chuchoet January 4, 2025
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย "การดูดซึมปุ๋ยและอาหารเสริมทางใบ"
More Posts