บั่วปมมะม่วง (Mango gall midge) ศัตรูพืชในมะม่วง

Thirasak Chuchoet • October 22, 2024
บั่วปมมะม่วง (Mango gall midge) ศัตรูพืชในมะม่วง
แมลงบั่วปมมะม่วง คืออะไร..?

   บั่วปมมะม่วง เป็นแมลงขนาดเล็กมากรูปร่างเหมือนยุง มีหนวดและขายาว ซึ่งพบได้บ่อยในมะม่วงที่ขาดการดูแลป้องกัน (พ่นสารกำจัดแมลง) ตัวอ่อนของบั่่มปมมะม่วงเป็นตัวหนอนที่สร้างความเสียหายกับใบมะม่วงทั้งใบอ่อนและใบแก่ ในฤดูช่วงออกดอก-ติดผลอ่อนระหว่างช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม ซึ่งสภาพอากาศแห้ง ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการแพร่ระบาดของบั่วปมมะม่วงและพบความเสียหายอันเนื่องมาจากตัวหนอนซึ่งเป็นตัวอ่อนของบั่วปมมะม่วงเจาะเข้าทำลายกัดกินดอกและผลอ่อนอยู่ภายใน ทำให้ดอกและผลอ่อนร่วงหล่นได้

การแพร่ระบาดของบั่วปมมะม่วง

   บั่วปมมะม่วง เป็นศัตรูพืชมะม่วงที่แพร่ระบาดได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงสภาพอากาศแห้ง ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ (ความชื้นในอากาศ) หรือฝนทิ้งช่วง โดยพบว่าในช่วงผลมะม่วงใกล้สุกจะพบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น เช่น ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน และเมษายน-พฤษภาคม สำหรับประเทศไทยพบการแพร่ระบาดของบั่วปมมะม่วงได้ทุกภาคของประเทศ

ลักษณะการเข้าทำลายของบั่วปมมะม่วง

   บั่วปมมะม่วง ตัวเต็มวัยมีรูปร่างคล้ายยุงมีปากแบบซับดูด สามารถทำลายได้ตั้งแต่ใบ ดอก และผลอ่อน โดยดูดกินน้ำเลี้ยงจากมะม่วง ลักษณะอาการที่เด่นชัดที่มะม่วงถูกเข้าทำลายจะปรากฏที่ใบเป็นสำคัญ ทั้งใบอ่อนและใบแก่ โดยพบตุ่มเม็ดทรงกลมบนหน้าใบ ตุ่มมีขนาดเล็ก ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร ในระยะแรกจะเป็นตุ่มนูนขึ้นมาจากเนื้อใบเล็กน้อย มีสีเหลือง ต่อมาตุ่มนูนนั้นจะพัฒนาขึ้นมาเป็นก้อนเม็ดทรงกลมมีสีเหลือง หลังจากนั้นตุ่มเม็ดจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนและเป็นสีดำในที่สุด ในตุ่มเม็ดดังกล่าวจะมีตัวหนอนของบั่วปมมะม่วงอาศัยอยู่ ซึ่งตุ่มเม็ดเกิดขึ้นจากเนื้อเยื้อพืชมีกลไกต่อต้านสิ่งแปลกปลอมและมีลักษณะคล้ายตุ่มหูด ในระยะตุ่มเม็ดมีสีน้ำตาลเข้มถึงดำจะพบรูที่ตุ่มด้านบนซึ่งเป็นรูที่เกิดจากการเจาะออกมา

    หากตัวหนอนเจาะเข้าดอกมะม่วง ดอกจะมีลักษณะบวมโป่งพอง ขนาดของดอกโตกว่าดอกปกติ เมื่อผ่าดอกจะพบตัวหนอนสีครีมใสหรือสีเหลืองอยู่ภายใน ในผลอ่อนจะพบตุ่มนูนโป่งพองและพบจุดสีน้ำตาลหรือดำที่ผลเป็นร่องรอยการเจาะออกของบั่วปมมะม่วง

ชีววิทยาของบั่วปมมะม่วง

   บั่วปมมะม่วง (Mango gall midge) 

   ชื่อวิทยาศาสตร์ : Procontarinia matteiana Kieffer & Cecconi 

   ชื่อพ้อง : 

       Erosomyia mangiferae Felt

       Dasineura mangiferae Felt

       Erosomyia indica Grover & Prasad

       Mangodiplosis mangiferae Tavares

       Procystiphora mangiferae(Felt)

    วงศ์ (Family) : Cecidomyiidae

    อันดับ (Order) : Diptera

    วงจรชีวิตของบั่วปมมะม่วง 

    วงจรชีวิตจากระยะไข่จนถึงเป็นตัวเต็มวัย มีอายุเฉลี่ย 7-12 วัน และตลอดอายุขัยเพศผู้มีอายุได้ราว 17-20 วัน ส่วนเพศเมียมีอายุขัยราว 20-25 วัน ดังนี้

   ตัวเต็มวัย (adults) :ตัวเต็มวัยของบั่วปมมะม่วง มีรูปร่างคล้ายยุง ลำตัวสีเหลืองอมเขียว หรือสีเขียว มีขนาดเล็กมาก ปีกคู่หน้าโปร่งใส มีขนเล็กๆ จำนวนมากที่ขอบ ปีกคู่หลังลดรูปเป็นติ่ง ขาคู่หลังใหญ่กว่าขาคู่หน้าและขาคู่กลาง ส่วนท้องมีสีเหลืองมองเห็นได้ชัดเจน ในเพศผู้ ส่วนท้องยาวและเรียว และมีขนเล็กๆ อยู่ที่ปลาย ในขณะที่เพศเมีย ส่วนท้องจะทู่มน มีอวัยวะวางไข่อยู่ที่ปลายท้อง 

    ความยาวจากส่วนหัวจรดปลายของบั่วปมมะม่วงเพศผู้ เฉลี่ย 1.3 มิลลิเมตร ความกว้างเมื่อกางปีกออก เฉลี่ยกว้าง 2.8 มิลลิเมตร เพศเมียมีความยาวโดยเฉลี่ย 1.4 มิลลิเมตร ในขณะที่ความกว้างของปีกที่กางออกเฉลี่ย 3 มิลลิเมตร

    ตัวเต็มวัยของบั่วปมมะม่วง จะมีอายุขัยเฉลี่ยราว 2-4 วัน โดยเพศผู้จะมีอายุขัยสั้นกว่าเพศเมีย เพศเมียหลังจากเจริญเป็นตัวเต็มวัยราว 1 วัน จะเริ่มวางไข่ โดยเพศเมียแต่ละตัวสามารถวางไข่ได้ราว 8-10 ฟอง

   ไข่ (eggs) : บั่วปมมะม่วงเพศเมียวางไข่ทีละฟอง โดยมักวางไข่ที่บริเวณหน้าใบของใบอ่อนมะม่วงมากกว่าวางไข่บริเวณใต้ใบหรือที่ช่อดอกมะม่วง

    ไข่ที่เพิ่งวางใหม่ๆ มีขนาดเล็ก โปร่งแสง รูปร่างยาวรี และมีสีเหลืองอ่อน ความยาวของไข่เฉลี่ย 0.2 มิลลิเมตร กว้างเฉลี่ย 0.15 มิลลิเมตร ในขณะที่ความกว้างอยู่ระหว่าง 0.10 ถึง 0.17 มม. ไข่ของบั่วปมมะม่วงมีระยะฟักตัวเฉลี่ย 2.5 วัน และมีอัตราการฟักไข่เป็นตัวหนอนเฉลี่ย 55%-60%

   ตัวหนอน (instar) : บั่วปมมะม่วงระยะตัวหนอน มี 3 ช่วงวัย และมีอายุขัยเฉลี่ย 5-9 วัน แต่ละช่วงวัยจะลอกคราบเพื่อเจริญเป็นวัยถัดไป โดยลอกคราบทั้งสิ้น 3 ครั้ง ก่อนเข้าดักแด้

   ตัวอ่อนวัยที่ 1 (first instar) : เมื่อฟักออกจากไข่จะเจาะเข้าไปในเนื้อเยื่อพืช หลังจากนั้นคาดว่ามีสารเคมีบางชนิดที่อาจเกิดจากตัวเต็มวัยเพศเมียฉีดเข้าไปขณะวางไข่หรือตัวอ่อนภายในไข่สร้างขึ้น มีผลกระตุ้นให้เนื้อเยื่อเพื่อเกิดการสร้างตุ่มปมขึ้นที่ใบ (หูด) โดยตัวอ่อนจะอาศัยอยู่ภายในตุ่มปมนั้น ตัวหนอนในระยะนี้มีขนาดเล็ก บอบบาง ลำตัวเป็นรูปทรงกระบอก ไม่มีขา ปลายทั้งสองข้างมน และมีสีขาว มีความยาวลำตัวเฉลี่ย 0.35 มิลลิเมตร และความกว้างเฉลี่ย 0.15 มิลลิเมตร ตัวหนอนใช้เวลาเจริญเติบโตเฉลี่ย 1-1.5 วัน จึงลอกคราบเป็นตัวหนอนวัยถัดไป

   ตัวหนอนวัยที่ 2 (second instar) :หนอนวัยนี้เริ่มมีสีเหลืองอ่อน และกินอาหารมาก โดยตัวหนอนมีความยาวตั้งแต่ 0.50- 0.7 มิลลิเมตร และความกว้าง 0.3 ถึง 0.5 มม. ซึ่งมีระยะเจริญเติบโตราว 1.5-2.5 วัน ก่อนลอกคราบ

   ตัวหนอนวัยที่ 3 (third instar) : ตัวหนอนวัยนี้มีลักษณะลำตัวแบน รูปทรงกระบอก มีสีเหลือง ส่วนหัวมีลักษณะเป็นก้อนกลม และมีสีเหลืองหม่น หนอนในระยะที่ 3 สามารถแยกแยะได้ง่ายจากหนอนในระยะที่ 2 โดยพิจารณาจากพัฒนาการของส่วนปาก ซึ่งมีลักษณะคล้ายตะขอ และแผ่นแข็งบริเวณส่วนหัว 

    โดยมีความยาวเฉลี่ย 1 มิลลิเมตร และความกว้าง 0.6-0.7 มิลลิเมตร โดยมีระยะเวลาเจริญเติบโตเฉลี่ย 2.5-4.5 วัน

   ดักแด้ (pupa) : เมื่อการเจริญเติบโตของระยะตัวหนอนเสร็จสมบูรณ์ หนอนจะหยุดกินอาหาร มีสีเข้มขึ้น เคลื่อนไหวน้อยลง และหยุดการเคลื่อนไหว ซึ่งถือว่าเป็นระยะก่อนเข้าดักแด้ ในระหว่างระยะก่อนเข้าดักแด้ สีจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม ระยะเวลาก่อนเข้าดักแด้จะกินเวลาอยู่ราว 0.5-1.5 วัน

    บั่วปมมะม่วงจะเข้าดักแด้ภายในตุ่มปม ดักแด้มีสีเหลืองอมน้ำตาล โดยมีความยาวเฉลี่ย 1-1.2 มิลลิเมตร ความกว้าง 0.7-0.9 มิลลิเมตร โดยเข้าดักแด้นานราว 5.0-8.5 วัน ก่อนเป็นตัวเต็มวัย

การป้องกันกำจัดบั่วปมมะม่วง

    1. เมื่อพบใบที่เกิดตุ่มปมที่เกิดจากการเข้าทำลาย ควรตัดไปทำลาย

    2. พ่นสารกำจัดแมลงเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง เช่น 

       สารกำจัดแมลง กลุ่ม 6 : อีมาแมกติน 1.92% (ชื่อการค้า เช่น แพ็คกิ้งอี และ แพ็คติน) อัตรา 20-30 ซีซี.

       สารกำจัดแมลง กลุ่ม 1B : ไดคลอร์วอส 50% อัตรา 30-40 ซีซี., ไตรอะโซฟอส 40% (ชื่อการค้า เช่น แพ็คฟอส) อัตรา 30 ซีซี., โพรฟีโนฟอส 50% (ชื่อการค้า เช่น พีโป้) อัตรา 30 ซีซี.

       สารกำจัดแมลง กลุ่ม 4A : อะซีทามิพริด 20% SP (ชื่อการค้า เช่น แพ็คมอร์) อัตรา 10-15 กรัม

       สารกำจัดแมลง กลุ่ม 15 : ลูเฟนนูรอน 5% อัตรา 20 ซีซี., โนวาลูรอน 5% อัตรา 20 ซีซี., หรือคลอร์ฟลูอะซูรอน และไดฟลูเบนซูรอน เป็นต้น

   *หมายเหตุ: อัตราแนะนำต่อน้ำ 20 ลิตร

แหล่งสืบค้น : 

   สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 กรมวิชาการเกษตร

    Erosomyia mangiferae (mango gall midge).PlantwisePlus Knowledge Bank 21845. https://doi.org/10.1079/pwkb.species.21845

    MB Zala and TM Bharpoda. Biology of mango leaf gall midge, Procontarinia matteiana Kieffer & Cecconi (Diptera: Cecidomyiidae). The Pharma Innovation Journal 2023; 12(12): 3757-3762.

    M. Hasnain, M. N. Aslam, M. A. Sangi, S. KhanAuthors Info & Affiliations. “Mango midge: Erosomyia mangiferae”. PlantwisePlus Knowledge Bank Factsheets for Farmers 20157800168. https://doi.org/10.1079/pwkb.20157800168

ยาแมลง กลุ่ม 1 ออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
By Thirasak Chuchoet June 11, 2025
ยาแมลง กลุ่ม 1 กลไกออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ทำให้แมลงชักกระตุกและลาโลก
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความ
By Thirasak Chuchoet June 3, 2025
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โรคนี้แม้จะไม่ทำให้เนื้อผลมะม่วงเน่าเสียโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายนอกของผล
คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต
By Thirasak Chuchoet May 28, 2025
สารกำจัดแมลงกลุ่ม 14 มีจำหน่ายเพียงสารเดียว คือ คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คุมควบกล้ามเนื้อไม่ได้ นำไปสู่ภาวะเป็นอัมพาตอ่อนแรง (Flaccid Paralysis) และลาโลกไป
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
By Thirasak Chuchoet May 27, 2025
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในการศึกษาเรื่องกลไกออกฤทธิ์
กลไกออกฤทธิ์ (Mode of Action) ของยากลุ่ม 19 ทำให้ไรเกิดอาการตื่นตัว ใจเต้นแรง สั่นและความดันขึ้นสูง
By Thirasak Chuchoet April 29, 2025
ยากลุ่ม 19: อะมิทราซ ทางเลือกสลับกลุ่มยาไร.!!
    ATP: Adenosine Triphosphate เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อพืช
By Thirasak Chuchoet April 25, 2025
ATP หรือ “เอทีพี” ย่อมาจาก อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate) เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของพืชทุกชนิด
แจกสูตร ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอกและสูตรเบรกใบอ่อน
By Thirasak Chuchoet April 23, 2025
แจกสูตร.!! ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอก และสูตรเบรกใบอ่อน-บล็อกใบอ่อน
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกคีเลต
By Thirasak Chuchoet April 22, 2025
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกนีเซียมคีเลต
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
By Thirasak Chuchoet April 21, 2025
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
เอกสาร
By Thirasak Chuchoet January 4, 2025
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย "การดูดซึมปุ๋ยและอาหารเสริมทางใบ"
More Posts