แพคโคลบิวทราโซลผสมเหล้าขาว40ดีกรี..?

Thirasak Chuchoet • October 7, 2024
แพคโคลบิวทราโซลผสมเหล้าขาว40ดีกรี..?
เกี่ยวกับสารแพคโคลบิวทราโซล

   "แพคโคลบิวทราโซล" เป็นสารเคมีอินทรีย์สังเคราะห์ที่อยู่ในกลุ่มโครงสร้างสาร​เคมี​: ไตรอะโซล​ (Triazole​ chemical structure) มีฤทธิ์ทางยา​ 2 ลักษณะ​ คือ​ เป็นสารป้องกันกำจัดโรคพืช​ (Fungicide)​ และเป็นสารควบคุมการเจริญเติบโต​ (Plant​ growth​ regulator มีชื่อย่อว่า​ PGR หรือ​ พีจีอาร์)​ 

คุณสมบัติทางยา

   แพคโคลบิวทราโซล แม้มีฤทธิ์​ทางยาเป็นสารป้องกันกำจัดโรคพืช​ แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากมีฤทธิ์​ทางการรักษาและปกป้องโรคพืชต่ำมาก​แม้ใช้ในอัตราที่สูง​ ส่วนสารในกลุ่มเคมีไตรอะโซลที่มีฤทธิ์​ทางป้องกันและกำจัดโรคพืช​ เช่น​ ไดฟิโนโคลนาโซล, โพรพิโคนาโซล, เฮกซะโคลนาโซล, ทีบูโคนาโซล, ไซโปรโคนาโซล, อีพ็อกซี่โคนาโซล, ฟลูซิลาโซล, มัยโคลบิวทานิล, เตตระโคนาโซล, ไตรอะดิมีฟอน​ เป็นต้น

คุณสมบัติควบคุมการเจริญเติบโต​

   แพคโคลบิวทราโซล​ มีคุณสมบัติ​หลักคือ​ เป็นสารควบคุม​การเจริญ​เติบโต​ ​หรือ​ PGR​ มีกลไกออกฤทธิ์​ยับยั้งการสังเคราะห์ฮอร์โมน ​“จิบเบอเรลลิน” ของพืช​ ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโต​ด้าน​การเจริญของกิ่ง​ ก้าน​ ลำต้น​ ใบ​ (ความเยาว์​วัย)​ ในกระบวนการแบ่งเซลล์ของพืช​ (Vegetative growth - cell division) โดยชะลอหรือยับยั้งการเจริญ​ จึงจัดอยู่ในหมวดหมู่​ “สารควบคุมการเจริญเติบโต​ กลุ่มย่อย​ ; สารชะลอการเจริญเติบโตของพืช”

    ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว​ จึงนิยมใช้เพื่อชะลอหรือยับยั้งการเจริญเติบโต​ เช่น​

    1. การลดขนาดทรงพุ่มในไม้ดอกไม้ประดับ

    2. ชะลอการเจริญของบอนไซ​ 

    3. ใช้ในองุ่น​ ฝ้าย​ 

    4. พริก​ มะเขือเทศ​ (หลักๆ​ ผมใช้ในการควบคุมการเจริญระยะต้นกล้าไม่ให้สูงเกินไป​ เมื่อยังไม่พร้อมย้ายกล้าปลูกและอายุต้นกล้ามากกว่า​ 22-25 วัน)​ 

    5. ข้าว​ พ่นเพื่อลดความสูงของต้น​ข้าว​ โดยพ่นก่อนข้าวตั้งท้อง​ 19-21 วัน

    6. ไม้ผล​ พ่นเพื่อส่งเสริมการออกดอกนอกฤดูหรือเพื่อการออกดอกที่สม่ำเสมอและพร้อมเพรียง​กันของไม้ผล​ เช่น​ มะม่วง​ ทุเรียน​ ส้ม​ ส้มโอ​ มะนาว​ โดยพ่นในระยะใบเพสลาด​ ซึ่งเป็นช่วงที่ใบยังพัฒนาไม่สมบูรณ์​ ไขเคลือบผิวใบ​ (แว๊กซ์​ ; Wax) ยังอ่อนนิ่ม​ ไม่หนา​ และมีช่องว่างระหว่างชั้นไขเคลือบผิวใบหลวมๆ​ สารแพคโคลฯ​ จึงซึมซาบ​เข้าสู่ใบได้ดีกว่าในใบแก่​ สำหรับในมะม่วงการใช้สารแพคโคลฯ​ ดั้งเดิม​ใช้ราดทางดิน​ เนื่องจากดูดซึมได้ดีกว่าการพ่นทางใบ​ ส่วนในทุเรียนการราดทางดินจะทำให้รากชะงักงัน​ เป็นปม​ และทำให้ต้นทรุดโทรมได้ง่าย​ จึงนิยมใช้พ่นทางใบ

การผสมสารแพคโคลร่วมกับแอลกอฮอล์​

    มีคำถามสอบถาม​เข้ามาว่า​ การพ่นสารแพคโคลฯ​ โดยผสมร่วมกับแอลกอฮอล์​ หรือจะกล่าวให้ถูกคือ​ มีการประยุกต์ใช้​เหล้าขาว​ผสมไปด้วย​ จะให้ผลในการส่งเสริมการออกดอกของทุเรียนดีกว่านั้นจริงหรือไม่.?

    โดยส่วนตัวไม่มีประสบการณ์​การใช้ลักษณะ​นี้​ และไม่เคยทดสอบ​ ดังนั้นจึงกล่าวได้ไม่เต็มปากนัก​ แต่ให้ข้อสังเกตุดังนี้

"แพคโคลบิวทราโซล​ 10% และ​ 15% : เป็นชนิดผงละเอียด​ เมื่อละลายน้ำพ่นจะเป็นสารแขวนลอย​ และอาจมีสารบางส่วนละลายแตกตัวออกมา​ โดยมีน้ำเป็นตัวทำละลาย"

   แพคโคลบิวทราโซล​ 25% : เป็นชนิดน้ำครีม​ ซึ่งอาจเข้าใจกันว่า​“สารเนื้อครีมเป็นสารละลาย” เมื่อละลายในน้ำจะได้เป็นสารละลายหรือสารเนื้อเดียวกับน้ำ​ แต่นั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน​

    สารเนื้อครีม​ อันที่จริงคือสารในรูปผงที่ละเอียดกว่าสารผงทั่วไป​ และแขวนลอยอยู่ในของเหลว​ (ของเหลวส่วนใหญ่เป็นน้ำ)​ ซึ่งบางผลิตภัณฑ์​อาจเติมสารช่วยให้แขวนลอย​ เพื่อกันสารตกตะกอน​นอนก้นขวด

    เมื่อผสมกับน้ำ​ สารเนื้อครีมก็ยังคงได้ลักษณะ​เหมือนสารผง​ คือ​ เป็นสารแขวนลอยอยู่ในน้ำ​ และอาจมีสารบางส่วนละลายน้ำได้

   แอลกอฮอล์​ และเหล้าขาว​ (35​ และ​ 40​ ดีกรี)​ : มีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลาย​ เช่นเดียวกับสารทำละลายบางชนิด​ เช่น​ ไซลีน​, คีโตน, เอสเทอร์, อีเทอร์, ไกลคอลอีเทอร์​, ไวท์ออยล์​ หรือพาราฟินออยล์

    ดังนั้น​ หากผู้ที่ใช้แพคโคลบิวทราโซลผสมกับเหล้าขาว​ แล้วพบว่า​ ส่งเสริมการออกดอกได้ดีกว่าไม่ผสมเหล้าขาว​ นั้นอาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์​ในเหล้าขาวช่วยทำละลายสารแพคโคลบิวทราโซล​ ให้ละลายน้ำได้ดีขึ้น​ ออกฤทธิ์​ได้ดีขึ้น​ก็เป็นไปได้

แล้วทำไมผลิตภัณฑ์แพคโคลบิวทราโซลไม่ใช้แอลกอฮอล์หรือไขมันจากพาราฟินออลย์เป็นตัวทำละลาย

    นั้นอาจเพราะคุณสมบัติทางกายภาพ​ของสารแพคโคลบิวทราโซล​ อาจไม่คงตัวได้นานในสภาพสารละลายในน้ำมัน​ ซึ่งไม่ได้หมายความ​ว่า​ การใช้แพคโคลบิวทราโซล​ มาผสมกับแอลกอฮอล์แล้วพ่นทางใบทันที​จะทำให้สารเสื่อมสภาพ​ แต่ในที่นี้หมายถึง​ ผสมแล้วจัดเก็บไว้นานเป็นสัปดาห์​ เป็นเดือน​ เป็นปี​ ไม่เหมาะสม​ ผลิตภัณฑ์​แพคโคลบิวทราโซล​ จึงนิยมทำออกมาในรูปสารผงและสารเนื้อครีม​ (ก็เป็นได้)

*หมายเหตุ: พาราฟินออยล์​ และไวท์ออยล์​ เป็นไขมันที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม​ มีลักษณะ​ใส​ ไม่มีสี  ไม่มีกลิ่น

อัตราใช้แพคโคลบิวทราโซลพ่นทุเรียน :

    การใช้แพคโคลบิวทราโซล​พ่นทุเรียนเพื่อส่งเสริมการออกดอก​จะพ่นในช่วงเวลาคล้ายกับพืชอื่น​ คือ​ พ่นในระยะใบเพสลาด​ (ใบพวง​ ในภาษาชาวสวนมะม่วง)​ ของใบชุดสุดท้ายก่อนการออกดอก​ ปกติหลังพ่นแพคโคลฯ​ ในไม้ผล​ ราวๆ​ 45-60 วัน​ ไม้ผลจะออกดอก​ แต่ในบางครั้ง​ บางฤดู​ บางพืช​ หลังพ่นแพคโคลบิวทราโซล​ 21-30 วัน​ ก็สามารถออกดอกได้

    อัตราใช้ในทุเรียน​ :(จำไม่ได้ว่าอัตราดังกล่าวมาจากงานวิจัย​ของศูนย์วิจัยพืชสวนฯ​ จันทบุรีหรือไม่)​

    อัตราแนะนำจากงานวิจัยฯ​ แนะนำพ่นสารแพคโคล​บิวทราโซล​ ที่ระดับความเข้มข้น​ 1,000-1,500 ppm (หรือ​ 1,000-1,500 มิลลิกรัมของสารแพคโคลฯ​ ต่อน้ำ​ 1 ลิตร)​ โดยพ่นให้เป็นละอองฝอยให้ทั่วใบเพสลาด​ ไม่พ่นจนเปียกโชก​ และควรพ่นในระยะแดดไม่แรง​ หรือไม่พ่นในสภาพอากาศร้อนจัดจนเกินไป

   แพคโค​ลบิว​ท​รา​โซล​ 10% : ความเข้มข้น​ 1,000​-1,500 ppm จะเท่ากับการผสมแพคโคล​ฯ​ 10% ในอัตรา​ 2-3​ กก.ต่อน้ำ​ 200​ ลิตร

   แพคโค​ลบิว​ท​รา​โซล​ 15% : ความเข้มข้น​ 1,000​-1,500 ppm จะเท่ากับการผสมแพคโคล​ฯ​ 15% ในอัตรา​ 1.3-2​ กก.ต่อน้ำ​ 200​ ลิตร

   แพคโค​ลบิว​ท​รา​โซล​ 25% : ความเข้มข้น​ 1,000​-1,500 ppm จะเท่ากับการผสมแพคโคล​ฯ​ 25% ในอัตรา​ ​800-1,200​ ซี.ซี.ต่อน้ำ​ 200​ ลิตร

**นอกจากนี้​ ยังมีการประยุกต์ใช้แพคโคลบิวทราโซล ในอัตราต่ำกว่าคำแนะนำดังกล่าว​ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากพฤติกรรม​การพ่นสารในลักษณะ​เปียกโชก​ (จนสาร​ย้อยไหลเป็นทางตกลงพื้นดิน)​ เช่น​ แพคโคล​ฯ​ 25% อัตรา​ 400-600 ซี.ซี.​ต่อน้ำ​ 200​ ลิตร​ เป็นต้น

ยาแมลง กลุ่ม 1 ออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
By Thirasak Chuchoet June 11, 2025
ยาแมลง กลุ่ม 1 กลไกออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ทำให้แมลงชักกระตุกและลาโลก
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความ
By Thirasak Chuchoet June 3, 2025
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โรคนี้แม้จะไม่ทำให้เนื้อผลมะม่วงเน่าเสียโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายนอกของผล
คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต
By Thirasak Chuchoet May 28, 2025
สารกำจัดแมลงกลุ่ม 14 มีจำหน่ายเพียงสารเดียว คือ คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คุมควบกล้ามเนื้อไม่ได้ นำไปสู่ภาวะเป็นอัมพาตอ่อนแรง (Flaccid Paralysis) และลาโลกไป
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
By Thirasak Chuchoet May 27, 2025
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในการศึกษาเรื่องกลไกออกฤทธิ์
กลไกออกฤทธิ์ (Mode of Action) ของยากลุ่ม 19 ทำให้ไรเกิดอาการตื่นตัว ใจเต้นแรง สั่นและความดันขึ้นสูง
By Thirasak Chuchoet April 29, 2025
ยากลุ่ม 19: อะมิทราซ ทางเลือกสลับกลุ่มยาไร.!!
    ATP: Adenosine Triphosphate เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อพืช
By Thirasak Chuchoet April 25, 2025
ATP หรือ “เอทีพี” ย่อมาจาก อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate) เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของพืชทุกชนิด
แจกสูตร ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอกและสูตรเบรกใบอ่อน
By Thirasak Chuchoet April 23, 2025
แจกสูตร.!! ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอก และสูตรเบรกใบอ่อน-บล็อกใบอ่อน
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกคีเลต
By Thirasak Chuchoet April 22, 2025
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกนีเซียมคีเลต
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
By Thirasak Chuchoet April 21, 2025
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
เอกสาร
By Thirasak Chuchoet January 4, 2025
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย "การดูดซึมปุ๋ยและอาหารเสริมทางใบ"
More Posts