โรคใบจุดในมะละกอ

Thirasak Chuchoet • October 5, 2024
โรคใบจุดในมะละกอและการป้องกัน
โรคใบจุดในมะละกอ (Papaya Leaf Spot Disease)

    โรคใบจุดในมะละกอเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราหลายชนิด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชและคุณภาพของผลผลิต การแพร่ระบาดของโรคนี้มักเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หรือในช่วงที่ฝนตกหนัก ซึ่งเชื้อรามักเจริญเติบโตได้ดี

สาเหตุของโรคใบจุดในมะละกอ

    โรคใบจุดในมะละกอมักเกิดจากเชื้อราในสกุลคอรีนีสปอร่า (Corynespora) เซอคอสปอร่า (Cercospora) และแอสโคไคต้า (Ascochyta) ซึ่งมีลักษณะการเจริญเติบโตที่ทำให้ใบมะละกอเกิดเป็นจุดสีน้ำตาลหรือดำ และบางครั้งอาจมีลักษณะเป็นวงกลมสีเหลืองล้อมรอบ การระบาดของโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อรา เช่น ความชื้นสูงและอุณหภูมิที่เหมาะสม

โรคใบจุดมะละกอที่พบบ่อย (ในประเทศไทย)

    โรคใบจุดคอรีนีสปอร่า​ ในมะละกอ​ (Brown spot diseases)

    เชื้อราสาเหตุ:คอรีนีสปอร่า​ แคสไซอิคอล่า (Corynespora cassiicola)

    ลักษณะ​อาการ

    โรคสามารถ​เกิดขึ้นได้ทั้งที่ใบและผลของมะละกอ​ เป็นโรคที่สำคัญและพบได้บ่อย​ ในระยะแรกอาการที่ปรากฏบนใบจะเป็นแผลจุดขนาดเล็ก​ ​เท่าปลายปากกา​ แผลเป็นจุดช้ำสีขาว​ เนื้อใบรอบจุดมีอาการเหลืองล้อมรอบ​ เมื่อแผลขนายขนาดขึ้นจะเริ่มเห็นขอบแผลชัดเจนขึ้นและมีสีน้ำตาล​ ตรงกลางแผลยังคงเป็นสีขาวหรือสีเทา​ แผลกระจายตามหน้าใบมะละกอ​ เมื่อแผลพัฒนาขึ้นตรงกลางแผลจะแตกทะลุ

     โรคใบจุดตากบ​ หรือโรคใบจุดสีน้ำตาล​ (Cercospora black spot)​

    เชื้อราสาเหตุ:เซอคอสปอร่า​ ปาปายี้​ (Cercospora papayae)

    ลักษณะ​อาการ

    โรคเกิดขึ้นได้ทั้งที่ใบและผล​ พบได้บ่อยเช่นเดียวกับโรคใบจุดคอรีนีสปอร่า​ ในระยะแรกแผลที่ปรากฏเป็นจุดขนาดเล็กเท่าปลายปากกา​ จุดมีสีน้ำตาลอ่อนและเนื้อใบรอบแผลจุดมีสีเหลือง​ ต่อมาเมื่อแผลขยายขนาดขึ้นตรงกลางแผลจะมีสีน้ำตาล​ ขอบแผลช้ำสีเข้ม​ เมื่อแผลพัฒนามากขึ้นจะมีขนาดใหญ่กลางแผลเป็นจุดกลมสีขาว​ ครอบด้วยวงแผลสีน้ำตาล​ และขอบแผลช้ำสีคล้ำ​ บางครั้งแผลจุดอาจครอบด้วยวงแผลสีน้ำตาล​ 3-6 ชั้น

การป้องกันและการจัดการโรค

   1. การดูแลพื้นที่ปลูก: การจัดการพื้นที่ปลูกให้มีการระบายอากาศที่ดี จะช่วยลดความชื้นที่เป็นสาเหตุหลักของการเจริญเติบโตของเชื้อรา การตัดแต่งใบที่หนาแน่นเกินไปจะช่วยให้แสงแดดส่องถึงและลดโอกาสในการเกิดโรค

   2. การใช้สารป้องกันและกำจัดเชื้อรา:

   การป้องกัน

    พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช​ กลุ่ม​ 11+3 เช่น​ ทวินโป(อะซอกซี่สะโตรบิน+ไดฟิโนโคนาโซล​ 20%+12.5% SC)​ สารเนื้อครีมไม่ทำให้เกิดอาการใบไหม้​ หรือใบและผลแพ้ยา​ พ่นในอัตรา​ 10 ซี.ซี.​ต่อน้ำ​ 20 ลิตร​ ควรผสมร่วมกับ​ พีโคล70(โพรพิเนบ​ 70% WP)​ สารผงละเอียดสีขาว​ เนื้อฟู​ ละลายน้ำง่าย​ ไม่เป็นตะกอน​ และมีธาตุสังกะสีส่งเสริมให้ผลผิวนวล​ ใบเขียว​ อัตรา​ 30-50​ กรัม​ ต่อน้ำ​ 20​ ลิตร​ พ่นอย่างน้อย​ 2 ครั้ง​ แล้วสลับพ่นด้วย​ พีโคล​70​ จำนวน​ 1 ครั้ง​ แล้วจึงวนกลับไปพ่น ​ทวินโป​ ผสม​ พีโคล70​ เช่นเดิม และวนสลับสารเช่นนี้เรื่อยๆ​ โดยการพ่นแต่ละรอบห่างกัน​ 10-14 วัน​ นอกจากป้องกันโรคแล้วยังป้องกันการดื้อยาของโรคอีกด้วย

   การกำจัด

    เมื่อ​พบการระบาดของโรค​ แนะนำพ่นด้วยสารกลุ่ม​ 11+3 เช่นกัน​ โดยพ่น​ ทวินโปอัตรา​ 15-20​ ซี.ซี.​ ผสม พีโคล70​ อัตรา​ 50-60​ กรัม​ ต่อน้ำ​ 20​ ลิตร​ พ่นต่อเนื่อง​ 2-3​ ครั้ง​ ห่างกัน​ 4-5​ วัน

   3. การกำจัดใบที่ติดโรค:ควรทำการตัดใบที่ติดเชื้อออกจากต้นอย่างรวดเร็วและนำไปทำลายเพื่อลดการแพร่กระจายของโรค

   4. การปลูกพันธุ์ที่ต้านทานโรค: การเลือกใช้พันธุ์มะละกอที่มีความต้านทานต่อโรคใบจุด จะช่วยลดปัญหานี้ในระยะยาว

สรุป

    โรคใบจุดในมะละกอเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง การป้องกันและจัดการโรคนี้ต้องใช้ความใส่ใจในการดูแลรักษาและควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม การใช้สารป้องกันเชื้อราอย่างเหมาะสม การกำจัดใบที่ติดเชื้อ และการเลือกพันธุ์ที่ต้านทานโรค ล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญในการรักษาและป้องกันโรคนี้ให้ได้ผลดี

ยาแมลง กลุ่ม 1 ออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
By Thirasak Chuchoet June 11, 2025
ยาแมลง กลุ่ม 1 กลไกออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ทำให้แมลงชักกระตุกและลาโลก
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความ
By Thirasak Chuchoet June 3, 2025
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โรคนี้แม้จะไม่ทำให้เนื้อผลมะม่วงเน่าเสียโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายนอกของผล
คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต
By Thirasak Chuchoet May 28, 2025
สารกำจัดแมลงกลุ่ม 14 มีจำหน่ายเพียงสารเดียว คือ คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คุมควบกล้ามเนื้อไม่ได้ นำไปสู่ภาวะเป็นอัมพาตอ่อนแรง (Flaccid Paralysis) และลาโลกไป
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
By Thirasak Chuchoet May 27, 2025
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในการศึกษาเรื่องกลไกออกฤทธิ์
กลไกออกฤทธิ์ (Mode of Action) ของยากลุ่ม 19 ทำให้ไรเกิดอาการตื่นตัว ใจเต้นแรง สั่นและความดันขึ้นสูง
By Thirasak Chuchoet April 29, 2025
ยากลุ่ม 19: อะมิทราซ ทางเลือกสลับกลุ่มยาไร.!!
    ATP: Adenosine Triphosphate เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อพืช
By Thirasak Chuchoet April 25, 2025
ATP หรือ “เอทีพี” ย่อมาจาก อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate) เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของพืชทุกชนิด
แจกสูตร ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอกและสูตรเบรกใบอ่อน
By Thirasak Chuchoet April 23, 2025
แจกสูตร.!! ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอก และสูตรเบรกใบอ่อน-บล็อกใบอ่อน
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกคีเลต
By Thirasak Chuchoet April 22, 2025
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกนีเซียมคีเลต
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
By Thirasak Chuchoet April 21, 2025
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
เอกสาร
By Thirasak Chuchoet January 4, 2025
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย "การดูดซึมปุ๋ยและอาหารเสริมทางใบ"
More Posts