บทบาทและการขาดธาตุสังกะสี (Zinc: Zn)

Thirasak Chuchoet • July 9, 2024
บทบาทและอาการขาดธาตุสังกะสี (Zinc: Zn)

ธาตุสังกะสี หรือซิงค์ (Zinc) สัญลักษณ์ธาตุภาษาอังกฤษ Zn

    พืชดูดธาตุสังกะสีไปใช้ในรูปของ ซิงค์ไอออนประจุสองบวก หรือไดวาเลนต์ซิงค์ไอออน (Zn2+) และซิงค์คีเลท (Zinc chelate) โดยทั่วไปในหินแร่ต่างๆ จะมีองค์ประกอบของสังกะสี เมื่อย่อยสลายและแตกตัวรากพืชจะสามารถดูดใช้ได้ นอกจากนี้แหล่งของสังกะสีที่สำคัญ คือ อินทรีย์วัตถุต่างๆ ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีโครงสร้างซับซ้อน​ โดยมีสังกะสีเป็นองค์ประกอบอยู่ในโครงสร้าง ซึ่งอินทรีย์วัตถุเหล่านี้สลายตัวให้ธาตุสังกะสีได้ง่ายและเร็วกว่าหินแร่

    โดยปกติทั่วไปในพื้นที่การเกษตรที่มีการเติมมูลสัตว์ เศษซากพืชหรือปุ๋ยอินทรีย์เป็นประจำ พืชจะได้รับธาตุสังกะสีอย่างเพียงพอ เนื่องจากพืชทั่วไปต้องการสังกะสีน้อยมาก โดยพบว่าในเนื้อเยื้อพืชจะมีสังกะสีเพียง 100 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักแห้ง 1 กิโลกรัม (เทียบเท่าความเข้มข้น 100 ppm) พืชแต่ละชนิดจะมีความต้องการสังกะสีแตกต่างกันไป โดยเฉลี่ยแต่ละพืชจะมีระดับสังกะสีที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตราว 20-100 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักแห้ง 1 กิโลกรัม

ลักษณะขาดธาตุสังกะสี

   ลักษณะอาการขาดธาตุสังกะสี จะเกิดขึ้นที่ใบอ่อนชัดเจนที่สุดเนื่องจากสามารถเคลื่อนย้ายในระบบท่อลำเลี้ยงอาหารได้ปานกลาง (midderate phloem movemant) สำหรับอาการขาดที่ดอกและผลอ่อนหลังผสมเกสรใหม่ๆ จะสังเกตุได้ยาก ดังนั้น หากการแตกใบอ่อนในระยะก่อนการออกดอกหรือระยะมีดอกพบว่า ใบอ่อนแสดงอาการขาดธาตุจะเป็นสัญญาณบ่งบอกปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับตาดอก การพัฒนารังไข่ หลอดนำเกสร เกสรเพศผู้-เพศเมีย การผสมเกสรและการพัฒนาเมล็ดหลังผสมเกสร

ภาพที่ 1: อาการขาดธาตุสังกะสีในใบอ่อนมะม่วง (1): สวนใช้น้ำบาดาลติดภูเขาหินปูน และมีค่า pH ของดินเป็นด่าง

ภาพที่ 2: อาการขาดธาตุสังกะสีในใบอ่อนมะม่วง (2): สวนใช้น้ำบาดาลติดภูเขาหินปูน และมีค่า pH ของดินเป็นด่าง

    ลักษณะสีใบที่ผิดปกติ

    อาการขาดธาตุสังกะสีจะปรากฏที่ใบอ่อนก่อน โดยระหว่างเส้นใบจะเป็นสีเหลือง แต่เส้นใบยังคงมีสีเขียวปกติ หรือสีเขียวเข้ม อาการใบเหลืองจะเริ่มจากส่วนของด้านปลายใบก่อนแล้วขยายเข้าสู่โคนใบ อาการขาดรุนแรงจะทำให้ใบเหลืองทั้งใบแต่เส้นใบยังมีสีเขียว ในใบแก่ที่ขาดธาตุสังกะสีมักเป็นผลมาจากการขาดในระยะใบเพสลาด

    อาการขาดธาตุสังกะสีมักเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการขาดจุลธาตุตัวอื่นๆ ด้วย เช่น ธาตุเหล็ก (Fe) ธาตุแมงกานีส (Mn) ซึ่งจะทำให้ลักษณะอาการขาดที่ใบอ่อนเปลี่ยนแปลงไปจากข้างต้น เช่น ใบเป็นสีเหลืองซีดอมขาว หรือสีขาว และเส้นใบมีสีเขียวซีด ซึ่งเป็นอาการของการขาดธาตุเหล็กร่วมด้วย หรือใบและเส้นใบเป็นสีเขียวอ่อน ซึ่งเป็นอาการของการขาดธาตุแมงกานีสร่วมด้วย อาการขาดธาตุมากว่า 1 ธาตุนี้ อาจปรากฏลักษณะขาดแบบร่วมๆ หรือลักษณะใดลักษณะหนึ่งเด่นกว่า ขึ้นอยู่กับธาตุใดขาดมากกว่าหรือน้อยกว่า ในช่วงสภาพภูมิอากาศร้อนจัดและขาดน้ำ หรือฝนตกชุก อาจพบอาการขาดธาตุแคลเซียม (Ca) และโบรอน (B) ร่วมด้วย โดยจะปรากฏอาการปลายใบอ่อนหรือขอบใบบริเวณใกล้ปลายใบ มีอาการไหม้

    ลักษณะรูปทรงใบที่ผิดปกติ

    ลักษณะรูปทรงใบที่ผิดปกติที่ยอดอ่อน จะพบว่าข้อใบสั้น ในบางพืชแตกใบอ่อนเป็นพุ่มแจ (rosette) ใบอ่อนไม่ขยายขนาด ใบมีลักษณะเรียวเล็กผิดปกติ อาจพบอาการขอบใบขยายขนาดได้เล็กน้อยจึงมีลักษณะเป็นคลื่น คล้ายลอนหลังคา หรืออาจมีอาการขอบใบโค้งงอ ส่วนใหญ่ใบอ่อนจะมีอาการเนื้อใบเหลืองระหว่างเส้นใบ แต่ขอบใบจะยังเขียวอยู่ ในบางพืชหรือบางครั้งอาการเนื้อใบเหลืองอาจแสดงออกไม่มาก ในพืชที่มีอาการขาดรุนแรงอาจพบจุดเหลืองตามหน้าใบร่วมด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากความเป็นพิษของฟอสฟอรัส หากมีฟอสฟอรัสมากไปอาการจุดเหลืองดังกล่าวอาจแสดงเป็นจุดตายสีน้ำตาลหรือดำ

    ใบอ่อนที่ขาดธาตุสังกะสี หากอาการไม่รุนแรง ใบยังคงพัฒนาไปเป็นใบแก่ได้แต่จะมีขนาดเล็กกว่าปกติ ขอบใบบิดเป็นคลื่นคล้ายลอนหลังคา หรือใบเรียวยาวและโค้งงอคล้ายเป็นพระจันทร์เสี้ยว

ภาพที่ 3: อาการขาดธาตุสังกะสีในใบอ่อนทุเรียน: ใบเรียวเล็ก ขอบใบเป็นลอนคลื่น ใบโค้งงอและมีสีเหลืองอ่อน

ภาพที่ 4: อาการขาดธาตุสังกะสีในใบอ่อนทุเรียน: ใบเรียวเล็ก ขอบใบเป็นลอนคลื่น ใบโค้งงอและมีสีเหลืองอ่อน

ภาพที่ 5: อาการขาดธาตุสังกะสีและธาตุแมงกานีสในใบอ่อนทุเรียน: ใบเล็กผิดปกติ ขอบใบบิดเล็กน้อย หน้าใบสีเหลืองอ่อน และเห็นเส้นใบย่อยชัดเจน

ภาพที่ 6: อาการขาดธาตุสังกะสี: ใบทุเรียนขาดธาตุเมื่อตอนเป็นใบอ่อน ทำให้เมื่อใบแก่ใบจะมีขนาดเล็ก ขอบใบเป็นลอนคลื่น ใบโค้งงอ

ภาพที่ 7: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับขาดธาตุเหล็กในใบอ่อนทุเรียน

ภาพที่ 8: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับขาดธาตุเหล็กและธาตุแมงกานีสในใบอ่อนทุเรียน

ภาพที่ 9: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับขาดธาตุแมงกานีสในใบอ่อนทุเรียน

ภาพที่ 10: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับขาดธาตุแมงกานีสในใบอ่อนทุเรียน

สาเหตุการขาดธาตุสังกะสี 

    1. พื้นที่เพาะปลูกพืชเป็นดินทราย ดินร่วนปนทราย ดินเหนียวปนทราย ซึ่งดินทรายไม่ดูดซับหรือกักเก็บปุ๋ย

    2. ดินมีสภาพเป็นด่าง มีค่า pH มากกว่า 6.8-7 ขึ้นไป หรือดินมีเป็นกรดจัด มีค่า pH น้อยกว่า 4.5 โดยช่วงค่า pH ดังกล่าวธาตุสังกะสีจะละลายได้น้อยและไม่เป็นประโยชน์ต่อพืช

    3. การเพาะปลูกในพื้นที่เป็นระยะเวลานานและขาดการเติมอินทรีย์วัตถุหรือปุ๋ยอินทรีย์

    4. มีการใช้ปุ๋ยฟอสฟอรัสมากเกินความจำเป็นหรือฟุ่มเฟือย เช่น การใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ ปุ๋ยสูตรที่มีปริมาณฟอสฟอรัสเท่ากับไนโตรเจน หรือปุ๋ยสูตรปริมาณฟอสฟอรัสสูงกว่าไนโตรเจน

    5. การใส่ธาตุแคลเซียมและแมกนีเซียมมากเกินไปหรือบ่อยครั้งมากเกินไป โดยเฉพาะปุ๋ยละลายเร็ว เช่น ปุ๋ยแคลเซียมไนเตรท (15-0-0) แมกนีเซียมไนเตรท (10-0-0 หรือ 11-0-0) หรือแมกนีเซียมซัลเฟตเฮปตะไฮเดรต เนื่องจากเป็นปุ๋ยที่แตกตัวได้แคลเซียมและแมกนีเซียมไอออน ซึ่งมีประจุสองบวกทั้งคู่และมีศักย์ไฟฟ้าสูง จึงไล่หรือลดความเป็นประโยชน์ของธาตุที่มีประจุบวกอื่นๆ เช่น สังกะสี แมงกานีส เหล็ก และทองแดง (คอปเปอร์) เป็นต้น[1]

[1] เคยทำทดลองในฝรั่งในวงบ่อปูนที่ปิดก้นบ่อ โดยใส่แคลเซียมไนเตรทเพื่อไล่เกลือโซเดียมคลอไรด์ หลังจากอาการใบไหม้ที่เกิดจากเกลือหมดไป ยอดอ่อนที่แตกใหม่เกิดอาการยอดเหลืองจากการขาดธาตุสังกะสี แมงกานีส และเหล็ก เพราะลืมคิดเรื่องก้นบ่อที่ถูกปิดสนิท

บทบาทและหน้าที่ของธาตุสังกะสี

    1. เป็น​โคแฟคเตอร์ของเอนไซม์ (coenzyme factor) โดยเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์มากกว่า 60 ชนิด ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมเอนไซม์กับสารตั้งต้นเมตาบอลิซึม (ซับสเตรท; substrate)

    2. เป็นองค์ประกอบในโครงสร้างของเอนไซม์หลายชนิด

    3. ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์กรดอะมิโนทริปโทเฟน (tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนตั้งต้นในการสังเคราะห์ออกซิน การขาดสังกะสีนอกจากจะทำให้ทริปโทเฟนและออกซินลดลงแล้ว ยังมีผลทำให้เอนไซม์ไอเอเออ็อกซิเดส เพิ่มกิจกรรมย่อยสลายออกซิน​ในส่วนปลายยอดเจริญของพืช โดยพบว่าปริมาณออกซินที่บริเวณยอดจะลดลงอย่างมากก่อนจะแสดงอาการขาดธาตุ

    4. เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์กรดอะมิโนและโปรตีน 

        4.1 ทำหน้าที่เชื่อมสายดีเอ็นเอ โดยมีผลต่อการสังเคราะห์โปรตีนในขั้นตอนการถอดรหัสดีเอ็นเอ

        4.2 มีบทบาทต่อการคงสภาพของไรโบโซม (อวัยวะระดับเซลล์ที่ใช้สังเคราะห์โปรตีน)

        4.3 การขาดสังกะสีทำให้อัตราการสังเคราะห์โปรตีนลดลง โดยจะเกิดการย่อยสลายอาร์เอ็นเอเร็วกว่าปกติ (RNA hydrolysis) ซึ่งอาร์เอ็นเอมีบทบาทสำคัญมากและต้องการสังกะสีสูงเป็นพิเศษในส่วนการพัฒนาของหลอดเรณู (ดอก) ยอดอ่อนและปลายราก

    5. รักษาสเถียรภาพของเยื่อหุ้มอวัยวะระดับเซลล์ของพืช โดยเฉพาะคลอโรพลาสต์ที่เป็นอวัยวะสังเคราะห์แสง โดยสังกะสีเป็นโคแฟคเตอร์ของเอนไซม์ที่ใช้ย่อยสลายสารอนุมูลอิสระที่ทำลายเยื้อหุ้มไทลาคอยด์ภายในคลอโรพลาสต์ และเป็นองค์ประกอบของเอนไซม์คาร์บอนิกแอนไฮเดรส ที่ใช้ในการตรึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใช้ในการสังเคราะห์แสง

    6. เกี่ยวข้องกับการเปิด-ปิดปากใบพืช โดยรักษาสเถียรภาพของเยื้อหุ้มเซลล์คุมปากใบ ทำให้เซลล์คุมไม่สูญเสียโพแทสเซียมเนื่องจากเยื้อหุ้มรั่ว และเมื่อพืชขาดสังกะสีขนาดของปากใบจะเล็กลง ทำให้เกิดความต้านทานการแพร่ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสูงปากใบ

    7. เกี่ยวข้องกับเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต (น้ำตาลและแป้ง) โดยสังกะสีกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องต่อเมตาบอลิซึมของน้ำตาล ที่ใช้เปลี่ยนน้ำตาลฟรุกโตสบีสฟอสเฟตไปเป็นน้ำตาลซูโครส เพื่อขนส่งออกจากใบแก่ไปยังระบบท่อลำเลี้ยงอาหาร (phloem) และส่งต่อไปยังใบอ่อน ดอก และผล หากพืชขาดสังกะสีจะทำให้เกสรเพศผู้เป็นหมั่นได้ การผสมเกสรลดลง การติดเมล็ดน้อยและการพัฒนาผลลดลง

การแก้ไขอาการขาดธาตุสังกะสีเร่งด่วน

    โดยพ่นธาตุสังกะสีที่ใบอ่อน ดอก และผลโดยตรง เช่น ไฮโดรเมทซิงค์ 14% คีเลต (Zn14%-EDTA) ใช้อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ปุ๋ยน้ำเคมีธาตุเสริม ซิงค์สตาร์ (สังกะสี 10%) อัตรา 30 ซีซี.ต่อน้ำ 20 ลิตร เลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่งผสมร่วมกับปุ๋ยน้ำเคมีธาตุรอง-ธาตุเสริม 7 ชนิด เช่น ไฮโดรเมทมิกซ์-อีดีทีเอ (ประกอบด้วยธาตุคีเลต 7 ธาตุ) อัตรา 15-20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ควรพ่นต่อเนื่องทุกๆ 4-5 วัน

    นอกจากนี้ยังมีสังกะสีอื่นๆ เช่น ซิงค์ซัลเฟตเฮปตะไฮเดรต 21% (ZnSO4.7H2O), ซิงค์ซัลเฟตโมโนไฮเดรต 35% (ZnSO4.H2O) อัตรา 20-30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร การใช้ควรผสมร่วมกับ ไฮโดรเมทมิกซ์-อีดีทีเอ ด้วย

  • Slide title

    Write your caption here
    Button
  • Slide title

    Write your caption here
    Button
  • Slide title

    Write your caption here
    Button
  • Slide title

    Write your caption here
    Button

การแก้ไขอาการขาดธาตุสังกะสีระยะยาว

    1. ลดการใช้ปุ๋ยฟอสฟอรัสสูตรสูง และทดแทนด้วยปู๋ยสูตรฟอสฟอรัสต่ำ เช่น 20-8-20, 21-7-14, 21-7-18, 15-7-18, 21-3-21, 15-5-20, 15-5-25, 15-5-35 หรือ 14-7-35 ตามระยะการเจริญเติบโตของพืช

    2. เพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน 

    3. ปรับสภาพค่า pH ของดินในอยู่ในช่วง 5.5-6.5

    4. พ่นปุ๋ยเคมีธาตุรอง-ธาตุเสริม (ชนิดรวม 7-8 ธาตุ) เป็นประจำจะช่วยเสริมการใช้ธาตุสังกะสีทางดินและป้องกันความไม่เพียงพอ

    *ควรปฏิบัติร่วมกันทั้ง 4 ข้อข้างต้น

ภาพที่ 11: อาการขาดธาตุแมงกานีสร่วมกับธาตุสังกะสี แต่ลักษณะขาดธาตุแมงกานีสเด่นชัดกว่าในมะนาว

ภาพที่ 12: อาการขาดธาตุสังกะสีในส้ม

ภาพที่ 13: อาการขาดธาตุสังกะสีในส้ม

ภาพที่ 14: อาการขาดธาตุสังกะสีในส้ม

ภาพที่ 15: อาการขาดธาตุสังกะสีในส้ม

ภาพที่ 16: อาการขาดธาตุสังกะสีในส้ม

ภาพที่ 17: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับธาตุเหล็กและธาตุแมงกานีสในส้ม

ภาพที่ 18: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับธาตุเหล็กและธาตุแมงกานีสในส้ม

ภาพที่ 19: อาการขาดธาตุสังกะสีในส้มโอ

ภาพที่ 20: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับธาตุเหล็กและธาตุแมงกานีสในส้มโอ

ภาพที่ 21: อาการขาดธาตุสังกะสีในส้มโอ

ภาพที่ 22: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับธาตุเหล็กและธาตุแมงกานีสในต้นกล้ามังคุด

ภาพที่ 23: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับธาตุเหล็กและธาตุแมงกานีสในต้นกล้ามังคุด

ภาพที่ 24: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับธาตุแมงกานีสในกาแฟ

ภาพที่ 25: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับธาตุแมงกานีสในต้นฝรั่ง

ภาพที่ 26: อาการขาดธาตุสังกะสีร่วมกับธาตุเหล็กและธาตุแมงกานีสในต้นฝรั่ง และยอดอ่อนขาดแคลเซียม

ภาพที่ 27: อาการขาดธาตุแมงกานีสในต้นพริก และมีอาการใบบิดเล็กน้อยจากการขาดธาตุสังกะสี

ภาพที่ 28: อาการขาดธาตุเหล็กในต้นพริก และมีอาการใบบิดเล็กน้อย ใบเรียวเล็กในใบยอดจากการขาดธาตุสังกะสี

ภาพที่ 29: อาการขาดธาตุเหล็กร่วมกับธาตุสังกะสีในต้นโป๊ยเซียน

แหล่งสืบค้น:

   ลิลลี่ กาวีต๊ะ และคณาจารย์.2560.สรีรวิทยาของพืช.พิมพ์ครั้งที่ 4; กรุงเทพฯ.สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.270 หน้า.

   ยงยุทธ โอสถสภา.2558.ธาตุอาหารพืช.พิมพ์ครั้งที่ 4; กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.548 หน้า.

   สมบุญ เตชะภิญญาวัฒน์.2544.สรีรวิทยาของพืช Plant physiology.พิมพ์ครั้งที่ 4; กรุงเทพฯ.สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.237 หน้า.

ยาแมลง กลุ่ม 1 ออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
By Thirasak Chuchoet June 11, 2025
ยาแมลง กลุ่ม 1 กลไกออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับเอนไซม์อะซิทิลโคลีนเอสเทอเรสและมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ทำให้แมลงชักกระตุกและลาโลก
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความ
By Thirasak Chuchoet June 3, 2025
โรคราปื้นดำบนผลมะม่วง เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โรคนี้แม้จะไม่ทำให้เนื้อผลมะม่วงเน่าเสียโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพภายนอกของผล
คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต
By Thirasak Chuchoet May 28, 2025
สารกำจัดแมลงกลุ่ม 14 มีจำหน่ายเพียงสารเดียว คือ คาร์เทปไฮโดรคลอไรด์ กลไกออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คุมควบกล้ามเนื้อไม่ได้ นำไปสู่ภาวะเป็นอัมพาตอ่อนแรง (Flaccid Paralysis) และลาโลกไป
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
By Thirasak Chuchoet May 27, 2025
เรื่องราวเกี่ยวกับคำศัพท์และความหมายของกลไกการออกฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในการศึกษาเรื่องกลไกออกฤทธิ์
กลไกออกฤทธิ์ (Mode of Action) ของยากลุ่ม 19 ทำให้ไรเกิดอาการตื่นตัว ใจเต้นแรง สั่นและความดันขึ้นสูง
By Thirasak Chuchoet April 29, 2025
ยากลุ่ม 19: อะมิทราซ ทางเลือกสลับกลุ่มยาไร.!!
    ATP: Adenosine Triphosphate เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อพืช
By Thirasak Chuchoet April 25, 2025
ATP หรือ “เอทีพี” ย่อมาจาก อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate) เป็นสารชีวเคมีที่กักเก็บและปลดปล่อยให้พลังงานสูงที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของพืชทุกชนิด
แจกสูตร ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอกและสูตรเบรกใบอ่อน
By Thirasak Chuchoet April 23, 2025
แจกสูตร.!! ผสมปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบโดยใช้แม่ปุ๋ยดวงตะวันเพชร สูตรสะสมอาหารก่อนเปิดตาดอก และสูตรเบรกใบอ่อน-บล็อกใบอ่อน
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกคีเลต
By Thirasak Chuchoet April 22, 2025
เลือกใช้แมกนีเซียม (Mg) ตัวไหนดี.. ระหว่างแมกนีเซียมไนเตรท, แมกนีเซียมซัลเฟตเฮพตะไฮเดรต หรือแมกนีเซียมคีเลต
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
By Thirasak Chuchoet April 21, 2025
ปุ๋ยแคลเซียมคลอไรด์ไม่ใช่ปุ๋ยร้อน ดั่งการอุปมาอุปไมยเป็นยาร้อน-ยาเย็น
เอกสาร
By Thirasak Chuchoet January 4, 2025
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการบรรยาย "การดูดซึมปุ๋ยและอาหารเสริมทางใบ"
More Posts